หมวดเนื้อหา:
หลังจากนั้นสามวัน วินก็เริ่มสามารถขยับร่างกายได้แล้ว วันหนึ่งเมเปิ้ลก็ได้มาพูดกับเขาว่า
“ฉันคิดว่าเรื่องที่เธอมาอยู่บนโลกนี้มันจะไม่ใช่เรื่องบังเอิน” เธอพูดด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เพราะว่ามันเป็นไปได้ยากที่คนที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ จะสามารถใช้เวทมนตร์ข้ามมิติได้ แล้วเวทที่พาเธอเข้ามาในหมู่บ้านของฉันยังเป็นเวทมิติอีก” เธอพูดด้วยท่าทางประหลาดใจ
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เรื่องที่ผมจำได้ก่อนที่ผมจะหมดสติก็คือผมไม่อยากตาย”
“มันก็แปลกดี แล้วก่อนที่เธอจะตายเธออยากที่จะทำอะไรจ๋ะ” เธอถามด้วยความอยากรู้
“ก่อนที่ผมจะถูกผู้หญิงคนนั้นพยายามฆ่า ผมได้เริ่มที่จะค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์เพื่อนำมาใช้กับอาวุธบนโลกนั้น”
พอวินพูดจบ เมเปิ้ลก็ได้มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“ไหนเธอบอกฉันว่า โลกของเธอไม่มีเวทมนตร์ไง”
“ใช่ครับ ตอนที่ผมเกิดโลกของผมไม่มีเวทมนตร์ แต่ในตำนานนั้นมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับเวทมนตร์อยู่” วินตอบ
“แล้วเธอเรียนเวทมนตร์ได้ไหม” หญิงสาวถาม
“ไม่ได้ครับ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมเกินไป สิ่งที่ผมทำก็คือคิดทฤษดีเวทมนตร์เท่านั้นเอง” วินพูดตามตรง
“เธอยิ่งพูดฉันยิ่งแปลกใจ ในโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ แต่เธอกลับค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์” เมเปิ้ลมีท่าทีไม่เข้าใจอยู่บ้าง
‘เด็กคนนี้เป็นเด็กที่แปลกประหลาดจริง ๆ ทำไมเขาถึงสงใสเรื่องเวทมนตร์กันหละ จากเวทจับโกหกที่เราใส่ลงไปในยาก็ทำให้เรารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้โกหกเลย’
“โอเคจ้า ในวันพรุ่งนี้ให้เธอไปทดสอบเวทมนตร์กับจีน่าก็แล้วกันนะ” พอเธอพูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้องของเขา
วันต่อมา ลินกับจีน่าได้มาปลุกเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
“นี่นายตื่นได้แล้ว ฉันจะพานายไปที่อยู่ใหม่” จีน่าพูดด้วยความเบื่อหน่าย
“อ้าว นี่มันไม่ใช่ห้องของฉันหรอ ฉันอยู่มานานแล้วนะ” วินพูดอย่างงงๆ
“ชิ้ ฉันจะบอกนายให้เอาบุญก็แล้วกัน นี่มันห้องของคนป่วยที่จะมารักษากับแม่ฉันต่างหาก”
พอจีน่าพูดจบ ลินก็ส่งสายตาให้จีน่าเป็นทำนองว่าหยุดพูด แต่จีน่าก็ไม่สนใจ แล้วลินจึงบอกกับวินว่า
ในหมู่บ้านแห่งนี้มีแต่แม่ของพวกเธอที่เป็นนักเวทสายรักษา ถึงแม้ในโลกนี้ทุกคนจะใช้เวทมนตร์ได้ก็ตาม แต่เวทมนตร์รักษานั้นเป็นเวทที่หาผู้ใช้ยากที่สุด เพราะเรียนยากและมักไม่มีคนสอน เพราะเวทนี้จะสอนกันแต่ในตระกูล แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่สอนแล้วสามารถเรียนได้ เพราะเวทนี้ต้องใช้หลายอย่างในการเรียน
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เรียนแล้วสิน้ะ” วินถามลิน
“ไม่หรอก ที่ฉันเรียนกับแม่ก็คือการทำยากับเรื่องที่เกี่ยวกับสมุนไพรเท่านั้น เพราะว่าฉันไม่มีพลังเวท” เธอพูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ “ถ้างั้นจีน่าพาวินไปที่ห้องนะ พี่จะไปเตรียมห้องให้”
‘ถึงว่าสิ ทำไมวันที่เราถามเรื่องเวทมนตร์ในตอนนั้น จีน่าถึงไม่พอใจ’
ระหว่างที่วินครุ่นคิดกับตัวเอง ลินก็เดินออกไปทันที โดยที่วินยังไม่ได้ขอโทษเธอเลย แล้วจีน่าก็พูดด้วยความไม่พอใจ
“นี่นายพูดแบบนี้ได้ไง การถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมันเสียมารยาทนะ”
“ก็ฉันไม่รู้นี่ ว่าดินแดนนี้จะมีคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้อยู่ด้วย ฉันก็เลยถามไปหนะ” วินพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ในโลกนี้ก็มีนะ คนที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้หนะ แต่จะพบได้น้อยมาก” จีน่าบอกอย่างเสียไม่ได้
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนไหนใช้เวทมนตร์ได้หรือไม่ได้” วินถาม
“นี่นายฉันกำลังจะบอก นายก็ดันถามก่อนที่ฉันจะบอกไง” จีน่าบ่นอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษครับ เชินพี่จีน่าพูดต่อได้เลยครับ”
พอเขาพูดจบ เขาก็เห็นจีน่ายิ้มแล้วเธอก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ท่าทางดังกล่าวนั้นไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเขาไปได้ แล้วเธอก็พูดต่อ
“วิธีรู้ว่าเด็กนั้นมีพลังเวทไหม จะดูตอนที่เกิด หรือไม่ก็รอจนถึงอายุ 12 ถึง 15 ปี ถ้าเลยกำหนดแล้วยังใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ แสดงว่าเด็กคนนั้นจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แล้วถ้าเด็กคนนั้นเก่งหรือมีความสามารถก็จะใช้พลังเวทย์ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ”
“เพราะอย่างนั้นลินจึงไม่สามารถใช้พลังได้สินะ” วินพูดอย่างเข้าใจ
“ปล่าว พี่ของฉันหนะ ตอนนี้แค่พลังยังไม่ตื่น แต่วันนี้ก็จะรู้แล้วพี่จะใช้พลังเวทได้ไหม” จีน่าตอบ
“ถ้าอย่างนั้นลินจะประเมินพลังเวทพร้อมกันกับฉันหรอ” วินถาม
“ใช่ แต่แม่ห้ามให้พี่ลินทดสอบพลัง เพราะฉะนั้น นายห้ามบอกแม่นะ” จีน่าขอร้อง
เขาพยักหน้าตกลง แล้วจีน่าก็พาเขาเดินออกไปจากห้องที่เขาเคยนอนรักษาตัวอยู่
ระหว่างที่เดินไปด้วยกัน เขาก็ถามเธอว่า
“จีน่าใช้พลังเวทได้ตอนไหนหรอ”
“ฉันใช้ได้ตั้งแต่ฉันจำความได้ แต่ว่านะ พี่ลินกลับใช้ไม่ได้ ฉันก็แปลกใจอยู่ แต่ความสามารถของพี่เขา ถึงไม่มีพลังเวทก็ไม่เป็นไร เพราะฉันจะปกป้องพี่เอง” เธอพูดด้วยท่าทางมั่นใจ
ตอนที่เขาได้เดินไปกับเธอ เขาเห็นถึงความสวยงามของบ้านแห่งนี้
บ้านแห่งนี้มีอยู่สองชั้น ชั้นแรกมีห้องอยู่ 5 ห้อง มีทั้งห้องปรุงยา ห้องที่เขานอนรักษาตัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องน้ำและห้องนั่งเล่น ส่วนชั้นสองเป็นห้องนอน
พอเขามาถึงห้องที่เขาต้องอยู่ เขาก็ได้พบว่า ห้องนี้เป็นห้องที่แสนธรรมดา เพราะว่ามันมีแค่ที่นอนเท่านั้น
“แล้วห้องน้ำหละ ไม่มีห้องน้ำอยู่ในห้องหรอ” เขาถามด้วยความแปลกใจ
“ห้องน้ำจะอยู่ที่ชั้นล่างเท่านั้น” จีน่าพูดด้วยความรำคาน
‘เฮ๊อย ที่โลกนี้เขาไม่มีห้องน้ำอยู่ในห้องหรอวะ แบบนี้ก็แย่สิวะ’
แต่พอเขาคิดจบก็มีเสียงนางฟ้าดังขึ้น
“ห้องน้ำข้างบนก็มีนะ แต่ว่าก่อนเข้าต้องดูก่อนเพราะเป็นห้องน้ำที่พวกเราใช้กันอยู่ ส่วนห้องน้ำข้างล่าง จะเอาไว้สำหรับคนป่วยหนะ ฉันคิดว่าวินใช้ห้องน้ำชั้นบนดีกว่า”
“นี่พี่จะให้นายคนนี้มาใช้ห้องน้ำรวมกับพวกเราหรอค้ะ”
จีน่าถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง เดิมทีเธอก็ไม่ชอบนายนี่อยู่แล้ว เพราะเธอคิดว่าเขาจะมาแย่งเอาพี่สาวที่เธอรักไป
“พี่คุยกับแม่แล้วหละ แม่เขาก็ไม่ว่าอะไรนี่นา แล้วถ้าเราตกลงเรื่องการใช้ห้องน้ำก็ไม่มีปัญหาหรอก”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ว่าอย่างนั้น”
พอจีน่าพูดจบเขาก็คิดว่า
‘นี่ต้องขอบคุณ ความรักพี่ของเธอหรือความโชกดีที่ที่แม่ของพวกเธอให้เราอยู่นี่หว่า ยังไงก็ช่าง ตอนนี้เราต้องรีบปรับตัวให้เข้ากับโลกนี้ก่อน’
แล้วเขาก็รีบสลัดความคิดต่าง ๆ ออกไปจากหัวสมอง พอพวกเธอออกไปจากห้องของเขา เขาก็ได้ไปอาบน้ำแล้วใส่ชุดที่ลินได้เอามาวางไว้ให้ พอเสร็จเขาจึงได้เดินไปสำรวจรอบ ๆ บ้าน
พอเดินออกมาเขาจึงเห็นจีน่ากำลังฝึกร่างกายอยู่
“นายจะออกมาทำไม ทำไมไม่อยู่ในห้องของตัวเองหละ”
“พอดีว่าฉันเบื่อหนะ ฉันเลยเดินออกมา แล้วฉันก็อยากไปสำหรวดรอบ ๆ บ้านหน่อย” วินตอบ
“นายจะเดินออกมาก็ได้ แต่นายไปสำหรวดไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้าเดินออกจากนี่ไปนายจะเจอมอนสเตอร์ แล้วถ้าไม่มีความสามารถในการต่อสู้นายก็ตายอย่างเดียว” จีน่ายอมอธิบายอย่างเสียไม่ได้
“หมายความว่าไง” วินยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ที่นี่หนะ เต็มไปด้วยมอนส์เตอร์” จีน่าพูด
“นี่มันอะไรกัน มันก็เหมือนว่าเราถูกขังอยู่ที่นี่เลยสิ” วินพูด “แล้วเวลาเธอจะออกไปข้างนอกหละ”
พอเขาพูดจบเธอก็หัวเราะ แล้วตอบว่า
“มอนสเตอร์กระจอกพวกนั้นทำอะไรฉันกับพี่ไม่ได้หรอก แต่นายหนะยังไม่รู้ว่าที่โลกนี้ต่อสู้ยังไงไม่ใช่หรอ เพราะฉะนั้น ฉันว่านายควรที่จะทดสอบพลังก่อนแล้วค่อยออกไปดีกว่า”
“มันก็จริง แล้วทำไมมอนสเตอร์ไม่เข้ามาที่นี่หละ” พอเขาพูดจบก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า
“เพราะว่าแม่ของพวกเราได้ใช้พลังเวท ทำให้มอนสเตอร์ไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ไง” ลินตอบ พอเธอพูดจบเธอก็ส่งยิ้มมาให้กับพวกเรา
“พี่ลินทำข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ พวกเธอไปกินกันได้แล้ว แล้วอีกอย่างวันนี้ห้ามให้พี่เขาทดสอบพลังเวทนะ” เมเปิ้ลพูด พอเธอพูดจบเธอก็ได้เดินจากไป แต่ก่อนที่เธอจะไปจีน่าก็ได้ถามขึ้น
“คุณแม่จะกลับมาตอนไหนคะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่นานเหมือนทุกทีหรอก วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ก็กลับ อ่อ ลืมบอกไปหนะ ถ้าแม่จำไม่ผิด วันนี้พ่อจะกลับบ้าน อย่าลืมดูแลพ่อด้วย”
พอเธอพูดจบจีน่าก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วเดินออกไป
“นี่คุณเมเปิ้ล”
พอเขาพูดไม่ทันจบเธอก็ทำหน้าไม่พอใจ แล้วเธอก็บอกว่า
“วิน เธอไม่ต้องพูดแบบนั้นก็ได้นะจ๊ะ เธอเรียกฉันว่าแม่ก็ได้”
“ครับ แม่พอดีผมอยากรู้ว่าทำไมไม่ให้ลินทดสอบพลังเวทในวันนี้”
“อ่อ เรื่องนั้น เป็นความลับของแม่ แต่ยังไงก็ตามขอให้เธอเชื่อแม่ก็แล้วกัน เอาหละ แม่ต้องรีบไปเดี๋ยวเจอกันก็แล้วกันนะ” พอเธอพูดจบเธอก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“นี่วินรีบมาเร็วเข้า” เสียงลินเรียกให้เขารีบไปกินข้าวเช้าที่เธอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พอพวกเขากินอาหารเช้ากันเสร็จจีน่าก็ได้ให้เขาเข้ามาในห้องแห่งหนึ่ง ในนั้นมีเครื่องมือต่าง ๆ มากมาย
มีทั้งเข็มที่เอาไว้เจาะเลือด และลูกแก้วที่มีขนาดใหญ่ พอจีน่ากับลินเดินเข้ามา พวกเธอก็ใช้เข็มเจาะเลือดของเขาแล้ว
จีน่าก็ได้นำเลือดของเขาไปใส่ในเครื่องที่มีลักษณะเหมือนกับคอมพิวเตอร์ แต่มีขนาดเล็ก และไม่ได้ใช้ไฟฟ้าแต่กลับใช้พลังเวทแทน แล้วทันไดนั้นก็ได้มีข้อมูลร่างกายเขาปรากฏออกมา
ทั้งกรุ๊ปเลือดและส่วนต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้เขาตกใจ แต่มีอย่างหนึ่งที่แปลกไปนั่นก็คือ อายุของเขานั้นกลายเป็น 14 ปี
“นี่นายอายุเท่าฉันเลยนี่” จีน่าพูดด้วยความดีใจ
“ดีใจด้วยนะ เธอได้เจอเพื่อนที่อายุไล่เลี่ยกันแล้วล่ะ” ลินพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ
“แล้วการทดสอบจะเริ่มตอนไหนหรอ”
“เธอต้องรออีกหนึ่งชั่วโมง เพราะการเจาะเลือดจะทำให้ไม่สามารถทดสอบได้หนะ” เป็นลินที่ตอบคำถามของเขา
พอเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง จีน่าก็นำลูกแก้วมาให้เขา แล้วให้เขาสัมผัสพลังงานที่อยู่ในธรรมชาติ
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงเธอก็ให้เขาหยุด แล้วให้ลินมาทดสอบพลังแทน
แต่พอลินได้สัมผัสกับลูกแก้วเรื่องที่สร้างความตกใจให้กับจีน่าก็เกิดขึ้น เมื่อ จู่ ๆ ก็ได้มีพลังเวทมนตร์มหาสาล ออกมาจากตัวของลิน แล้วก็ได้มีสายฟ้าผ่าลงมาใส่ที่บ้านอย่างรุนแรง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” วินพูดด้วยความตกใจ
“ฉันก็ไม่รู้ นี่มันหมายความว่าไงกัน พี่ลินหยุดใช้พลังเวทก่อน” จีน่าพูดด้วยความตกใจไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างนั้นลินก็ยังไม่หยุด
“ลินหยุดก่อน ” วินตะโกนใส่แต่ก็ไม่ได้ผล แล้วเขาก็มองหน้าของจีน่า แต่สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตกใจไม่ต่างกัน
“แล้วแบบนี้ทำไงหละ” เขาถามด้วยความงง แต่กับได้ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ
เขาจึงวิ่งเข้าไปดึงลูกแก้วออกจากมือของลิน พอเขาทำสำเร็จลินก็รู้สึกตัว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าฉันใช้เวทมนตร์ไม่ได้จริง ๆ” เธอพูดด้วยความงง
“ถ้าแบบนี้เรียกว่าใช้ไม่ได้หนูก็คงไม่มีเวทมนตร์แล้ว” จีน่าพูดด้วยความดีใจ
แต่ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงดังกัมปนาท แล้วเรื่องที่หน้ากลัวก็ได้เกิดขึ้ นเมื่อจีน่าพูดขึ้นมาว่า
“นี่มัน มีฝูงมอนสเตอร์ กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
“กี่ตัว” ลินถามด้วยความตกใจ
“ไม่สามารถวัดได้ขะพี่ มันมากเกินไป ถ้ามันสามารถผ่านบาเรียของแม่มาได้แล้วเป็นเรื่องแน่ขะ”
“จีน่าไปเอาอาวุทมาให้วิน เราต้องเตรียมตัวต่อสู้เพื่อรอ เวลาที่แม่จะกลับมา”
พอจีน่าเอาอาวุทมาให้วินแล้ว เธอก็ถามวินว่า
“โทษทีนะ วินมีแค่ดาบ นายใช้ได้ไหม”
“ก็พอใช้ได้” วินตอบพร้อมกับรับดาบมาถือเอาไว้ ถึงแม้ใจของเขาจะนึกถึงอาวุธในโลกเดิมเช่นปืนมากกว่าก็ตามที “ฉันว่าเราควรไปดูจำนวนมอนสเตอร์ก่อนแล้วค่อยวางแผนดีกว่า เพราะว่าถ้าสู้ตรง ๆ เราก็มีแต่ตายแน่”
“จริงด้วย” ลินกับจีน่าพูดด้วยความดีใจ พอพูดจบพวกเราก็ออกมาเพื่อสำรวจข้างนอก
สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็คือ มอนสเตอร์จำนวนมหาสาลที่พยายามเข้ามาในบาเรีย
มอนสเตอร์พวกนี้บางตัวก็มีรูปร่างเหมือนสัตย์ บางตัวก็เป็นก้อนกลม แต่มีสีดำทั้งหมด
“นี่จีน่า ถ้าเป็นอย่างนี้เวลาที่มันจะเข้ามาได้” เขาพูดยังไม่ทันจบลินก็พูดว่า
“ อีกสามชั่วโมง ถ้ามีแต่ตัวแบบนี้” ลินตอบด้วยความมั่นใจ เพราะถึงแม้เธอจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์เลย
“ในเวลานี้ ถ้ามีอาวุทที่สามารถโจมตีในระยะไกลได้ก็ดี” วินพูด
“ฉันใช้เวทไฟโจมตีมันได้ ส่วนพี่ลินก็สามารถใช้ปืนได้”
พอจีน่าพูดจบ เขาก็รู้สึกเอะใจกับคำว่า ‘ปืน’ เลยลองขอปืนจากลินมาดูใกล้ๆ เพราะหากมันใช้งานไม่ต่างจากโลกเก่าของเขา เขากะว่าจะขอมาใช้งานชั่วคราวก่อน อย่างน้อยทักษะการยิงปืนของเขาก็คงดีกว่าการใช้ดาบแบบโบราณอย่างนี้ ทว่าเมื่อได้ลองดูส่วนประกอบต่างๆ เขาก็เลือกที่จะยอมแพ้ไป เพราะการใช้งานต่างกันพอสมควร ครั้นจะมาศึกษาการใช้งานเอาตอนนี้ คิดว่าคงไม่ทันการแน่ๆ
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น