หมวดเนื้อหา:
ทางฝั่งของพวกแฟนท่อม
ณ บ้านของพวกเมเปิ้ล บรรยากาศที่ไม่ร้อนมากนัก เนื่องจากสายลมที่ค่อย ๆ พัดอย่างเชื่องช้า ประกอบกับต้นไม้นานาชนิดที่ล้อมรอบบ้านหลังงามทำให้คนที่อยู่ในบ้านนั้นไม่ได้รับความร้อนของอากาศข้างนอกแต่ประการใด แม้นว่าอากาศข้างนอกจะเย็นสบายสักเพียงใด หากแต่ข้างในบ้านนั้นชั่งแตกต่างกับข้างนอกมากยิ่งนัก
ณ โต๊ะรับประทานอาหารข้างในบ้านหลังงาม กำลังมีชายวัยกลางคนทั้งสามกำลังนั่งปรึกษากันด้วยความเคร่งเครียด ตรงหน้าของพวกเขามีท่วยชาวางไว้ หากแต่น้ำชาในท่วยนั้นกับยังเต็มแก้ว ชายทั้งสามมองหน้ากันจนเวลาผ่านไปสักพักชายผมแดงก็ตัดสินใจยกน้ำชาขึ้นดื่มทำให้ชายทั้งสองมองเขาอย่างแปลกใจ
“นี่พี่อะคา ทำไมรู้เรื่องนั้นแล้วยังวางใจอยู่ได้ละพี่” ชายที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มถามอย่างสงใส
สิ้นเสียงของแฟนท่อม อะคาก็ค่อย ๆ วางแก้วน้ำอย่างช้า ๆ หลังจากเสียงแก้วชากระทบที่รองแก้ว
เมื่อคาลอสเห็นอย่างนั้นเขาจึงยกน้ำชาตรงหน้าดื่มเหมือนกับอะคา หลังจากคาลอสดื่มน้ำชาตรงหน้าเสร็จชายหนุ่มก็หันมามองยังอะคาด้วยสายตาที่สงใส
เมื่ออะคาเห็นอย่างนั้น เขาจึงมองชายทั้งสองและพูดอย่างใจเย็น “ฉันก็เพิ่งรู้มาไม่นานนี้“
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างพวกเราจะโดนพวกมันหลอก แต่ว่ามันก็หน้าสนุกไม่ใช่หรืออะคา” คาลอสยกกาน้ำชาที่อยู่ด้านข้างลินใส่ท่วยชาของเขาอีกครั้ง สำหรับคาลอสเรื่องที่เขารู้มันหน้าตกใจก็จริง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่ามันชั่งหน้าสนุกจริง บางครั้งเขาก็อยากจะออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ
เมื่ออะคาเห็นอย่างนั้นเขาจึงนำกาน้ำชาไปลินต่อในทันที
“ชานี่ดีจริง ๆ” อะคากับคาลอสพูดขึ้นพร้อมกัน
เมื่อแฟนท่อมพบว่าชายทั้งสองไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่ประการใด ชายที่มีอายุน้อยที่สุดจึงตัดสินใจเอ้ยถามอีกครั้ง
“ทำไมพวกพี่ถึงใจเย็นอยู่ได้ เรื่องนี้มันเป็น”
แต่ก่อนที่แฟนท่อมจะพูดจบ อะคาก็เอ่ยขัดขึ้น
“แล้วแกจะให้พวกเราทำอย่างไง ให้พวกเราออกไปช่วยเจ้าหนูวินอย่างนั้นหรอ”
สิ้นเสียงของอะคา แฟนท่อมก็เริ่มใจเย็นลง
“ใช่แล้ว พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว สิ่งที่พวกเราทำได้ พวกเราก็ได้ทำไปหมดแล้ว” คาลอสพูดสำทับ
“แต่ว่า เรื่องนี้วินก็ควรที่จะรู้นะพี่”
สิ้นเสียงของแฟนท่อมอะคากับคาลอสก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ เจ้าหนูวินควรรู้ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา” อะคาตอบแฟนท่อมอย่างใจเย็นพร้อมกับหันไปหาคาลอส
“ว่าแต่พลังเวทของแกเริ่มกับมาบ้างแล้วใช่ไหม”
“ใช่ แต่มันยังไม่สมบูรณ์สักเท่าไร ว่าแต่พวกเมเปิ้ลกับฮารุกะไปไหนล่ะข้าไม่เห็นสักพักแล้ว”
“เห็นว่าไปช่วยรักษาคนในหมู่บ้านน่ะครับ” แฟนท่อมตอบพวกอะคา
“แหมเป็นคนดีจริงนะเมียของพวกเจ้าเนี่ย” คาลอสใช้น้ำเสียงแดกดันเอ่ยกับทั้งสองคน
“พี่ก็อยากมีบ้างสินะ” แฟนท่อมพูดดักคอชายตรงหน้า
เมื่ออะคาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ส่ายหัวพร้อมกับมองคาลอสด้วย
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกหนะ” อะคามองหน้าตาของคาลอสตั้งแต่หัวจดเท้า
เมื่อคาลอสเห็นสายตาของอะคา เขาจึงพยักหน้าแล้วตอบ “ถ้าไม่สนใจผู้หญิง ข้าสนใจแต่การต่อสู้”
“นั่นสินะผมลืมไปเลยว่าพี่ไม่มีประสบการณ์เรื่องผู้หญิง” หลังจากแฟนท่อมพูดจบเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกจากบ้านในทันที “ว่าแต่พวกวินจะเป็นไงบ้างนะ” แฟนท่อมคิดกับตนเองด้วยความเป็นห่วง
‘จริงสิ เรื่องขของคนในยุคนี้ก็ต้องให้คนในยุคนี้จัดการ’ เมื่อแฟนท่อมคิดได้อย่างนั้นเขาจึงหยุดคิดถึงเรื่องของวินในทันที
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเก้าขาออกจากห้องอาหารเขาก็พูดโดยไม่หันหลังมามองพวกอะคา
“ผมจะไปหาพวกเมเปิ้ลนะ”
เมื่อแฟนท่อมพบว่าพวกอะคาไม่พูดอะไรเขาจึงตัดสินใจเคลื่อนกายออกจากบริเวณนั้น โดยทิ้งพวกที่บ้าการต่อสู้ไว้ด้วยกัน
หลังจากที่แฟนท่อมได้เดินจากไป คาลอสจึงหันไปมองอะคาอย่างจริงจัง
“เอาไงอีกสักพักพวกเราไปประลองฝีมือกันดีไหม”
อะคาคิดอยู่สักพัก ไม่นานชายหนุ่มผมแดงจึงตัดสินใจพูดขึ้น
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่แน่การประลองครั้งนี้อาจจะ เป็นการประลองครั้งสุดท้ายก็ได้”
“นั่นสินะ พวกเราคงไม่ได้ตายดีแน่ ๆ” อะคาพูดพร้อมกับมองไปยังนอกหน้าต่าง ๆ
ทางฝั่งของพวกวิน
จีน่าผสานสายตากับงูยักษ์ตรงหน้า ทันใดนั้นเองจากภาพของงูยักษ์เบื้องหน้าก็กลายเป็นภาพวงเวทสีดำ มันค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาด้านหน้าของเธอ เมื่อจีน่าเห็นเด็กหยิงผมสีทองก็จำได้ในทันทีว่าวงเวทนั้นก็คือวงเวทที่พ่อของเธอนั้นใช้มันผนึกพลังเวทมิติของเด็กสาวไว้นั่นเอง
จู่ๆเด็กสาวผมสีทองผิวสีแทนในกลุ่มก็รู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวจเร็ว แสงสีดำสลับทองค่อย ๆ ปรากฏล้อมรอบตัวของเด็กสาว พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวจเร็วทำให้จีน่ารู้ได้ทันทีว่าการคลายผนึกนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร จีน่าค่อย ๆ เร่งพลังเวทสูงขึ้นจนจนวงเวทที่ผนึกพลังมิติหายไป
ในที่สุดเราก็ปดผนึกพลังของพ่อได้แล้ว’
จีน่ามองมอนสเตอร์ที่ค่อย ๆ ตรงเข้ามาใกล้ๆ งูตรงหน้าเลื้อยเข้ามาด้วยความรวจเร็ว ปากและลำตัวที่ใหญ่ของมอนสเตอร์ตรงหน้าทำให้จีน่ารู้ได้ทันทีว่าหากพวกเธอถูกมันกืนเข้าไปพวกเธอคงไม่มีทางรอดแน่นอน ก่อนที่งูอสรพิษร้ายจะได้งับบาเรีย เด็กสาวผมสีทองผิวสีแทนก็ตวัดมือทำให้เวทมิติโผล่ขึ้นมาล้อมรอบบาเรีย ไว้ได้อย่างทันท่วงที เวทมิติของเด็กสาวได้ส่งให้บาเรียของลิน หางจากงูยักษ์ประมาณห้าเมตร แต่ด้วยขนาดตัวของมันทำให้พวกลินเห็นมันได้ไม่อยาก
พอพวกวินเห็นอย่างนั้น ทุกๆ คนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“นี่มันมอนสเตอร์บ้าอะไรกันให้ตายฉันก็จะไม่ไปเจอกับมันอีกแล้ว” หลินมองงูยักษ์ที่อยู่หางออกไป เธอนำมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ออกตามใบหน้า
เมื่อลินพบว่าทุกคนน่าจะปลอดภัย เด็กสาวผมฟ้าค่อย ๆ คลายบาเรียออก ลินหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เธอมีสีหน้าซีดเผือด หลังจากที่ลินคลายเวทเด็กสาวก็รู้สึกหน้ามืดทำให้เธอนั่งลงที่พื้นด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก่อนที่ตัวของลินจะกระแทกพื้นเด็กสาวก้รู้สึกถึงมือของวินมาจับเธอไว้
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” วินค่อย ๆ นำตัวของลินไปพิงกับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง พร้อมกับคุโระกับชิโระเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
“เป็นไรไหมคะพี่ลิน”
เสียงของชิโระทำให้ลิน พยายามพยักหน้าตอบเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อชิโระนำมือมาจับลินก็พบว่าตอนนี้มือของลินนั้นเย็นเหมือนกับน้ำแข็งทำให้ชิโระเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา แต่ก่อนที่น้ำตาของชิโระจะไหลออกจากตาของเด็กน้อย ลินก็นำมือของตนเองมาจับที่หัวของเด็กสาว
“อย่าร้องนะ พี่ไม่เป็นไร”แล้วล่ะ
ลินค่อยๆ ยันตัวขึ้นพร้อมกับเตรียมตัวจะใช้เวทบาเรียอีกครั้ง แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้ทำอะไรเด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่มก็ห้ามเด็กหญิงผมฟ้าเสียก่อน
“ไม่ต้องใช้เวทแล้วล่ะลิน ที่เหลือเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง” สิ้นเสียงของลินจีน่ากับอาโออิก็พูดขึ้น
“ใช่ที่เหลือเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น