คุณอยู่ที่

บทที่ 14 การป้องกันและกันจู่โจม ตอนที่ 1

เขียนโดย nuttapol เมื่อ อาทิตย์, 11/27/2022 - 08:40
Share

หมวดเนื้อหา:

เมื่อลินเห็นว่าทุกคนไม่ได้ปฏิเสธแถมยังเตรียมตัวสู้อย่างเต็มที่ เธอจึงหันกลับไปมองหน้าของหลิน พอลินพบว่าตอนนี้หลินเริ่มหยุดร้องให้แล้ว เด็กหญิงผมฟ้าจึงจ้องมองเข้าไปในตาของหลินพร้อมกับพูดอย่างหนักแน่น
“พวกเราจะช่วยเธอเอง เชื่อใจพวกเรานะ”
สิ้นเสียงของลิน หลินก็มองไปยังแววตาของลิน สิ่งที่เด็กสาวพบก็คือแววตาที่แสดงถึงความมั่นใจ ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาเธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตัดสินใจขอความช่วยเหลือกับเด็กพวกนี้ ถึงแม้ว่ากลุ่มของลินนั้นจะดูเด็ก ทว่าการต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่เธอได้เห็นกับตาคู่นี้ กับทำให้หลินคิดว่าพวกวินคงสามารถเอาชนะพวกโจรป่าได้ไม่ยากเกินไปนัก ถึงแม้เธอจะไม่รู้ความสามารถของพวกมันเลยก็ตาม
หญิงผมดำนำมือไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า หลังจากนั้นเธอก็ก้มหัวขอบคุณพวกวินอีกครั้ง
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ถ้าฉันไม่ได้เจอกับพวกเธอหมู่บ้านที่ฉันอยู่คงต้องตกเป็นของโจรแน่ ๆ ”
“ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ถ้ามีผู้คนลำบากพวกเราก็ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนคะ”
สิ้นเสียงของลิน ชิโระจึงตัดสินใจเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ ลิน เด็กน้อยผมขาวมองหน้าหลินที่เพิ่งเช็ดน้ำตา
ใบหน้าของพี่สาวผมดำตรงหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่เลย หลังจากที่ชิโระได้ฟังเรื่องของหลิน ทำให้เด็กน้อยรู้สึกไม่พอใจ
ในหัวของเด็กน้อยผมขาวนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย พวกโจรว่าเหตุใดต้องใช้ความสามารถของตนเองไปทำร้ายคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ พวกของตนนั้นก็มีพลังถึงขนาดสังหารพวกมอนสเตอร์ได้แท้ ๆ หรือหากอยากจะหาอาหารก็แค่ฆ่ามอนสเตอร์ก็ได้แล้วแท้ ๆ แล้วทำไมต้องใช้พลังไปทำร้ายคนอื่น คำถามนี้ยังคงดังอยู่ในใจของเด็กน้อยผมขาว ทว่าต่อให้ชิโระอยากจะถามสักแค่ไหนแต่ว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ชิโระคิดเสร็จ เด็กน้อยจึงลําพึงลําพันกับตัวเองเบา ๆ
“ทำไม แค่ต้องการอาหารทำไมต้องทำขนาดนี้ทำไมต้องใช้พลังไปทำร้ายคนอื่นด้วยคะ หนูไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
สิ้นเสียงของชิโระ ลินก็นั่งลง เด็กสาวผมฟ้าประสารสายตากับเด็กน้อยผมขาว เธอค่อย ๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“นั่นสินะจ๊ะ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมพวกเขาถึงนำพลังที่มีไปทำร้ายคนอื่น ทำไมพวกเขาถึงต้องไปทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ แต่ว่าสิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนี้ก็คือต้องไปช่วยพวกชาวบ้านให้เร็วที่สุด”
พอลินกล่าวจบ ชิโระก็ถามด้วยความไม่มั่นใจ “เราจะต้องฆ่าพวกเขาไหมคะพี่” สำหรับเด็กน้อยกาสังหารมอนสเตอร์นั้นเป็นเรื่องปกติของพวกเธอ ทว่าหากฆ่าคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะทำมากที่สุด
ลินส่ายหัวปฏิเสธความคิดของเด็กน้อยผมขาว เธอจ้องเข้าไปในแววตาของชิโระ แววตาของเด็กน้อยนั้นแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว ลินนำมือไปลูบหัวของชิโระพร้อมกับพูดขึ้น
“ไม่ค่ะ เราจะไม่ฆ่าพวกโจรแม้แต่คนเดียวค่ะ”
“จริงหรอคะพี่”
“จริงสิจ๊ะ นี่ชิโระไม่เชื่อพี่แล้วหรอจ๊ะ”
ชิโระมองหน้าของลินสายตาของพี่สาวตรงหน้าทำให้เด็กน้อยผมขาวยิ้มออกมา “เชื่อสิค่ะพี่ ก็พี่ไม่เคยผิดสัญญากับหนูเลยนี่นา”
ท่าทางของเด็กน้อยผมขาวนั้นทำให้พวกจีน่าอดยิ้มไม่ได้
วินมองภาพตรงหน้า ท่าทางกับน้ำเสียงของลินที่กล่าวกับเด็กน้อยทำให้เด็กหนุ่มยิ้มออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เดิมทีเด็กหนุ่มคิดว่าแค่ให้เขาบุกเข้าไปสังหารโจรแค่คนเดียวก็เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าพอวินได้ฟังสิ่งที่ลินกล่าวกับเด็กน้อยทำให้วิน ต้องเริ่มคิดใหม่ ถึงแม้การฆ่าโจรมันจะง่ายกว่าก็ตาม แต่ว่าหากเด็กหญิงผมฟ้าไม่ต้องการทำเขาก็จะพยายามไม่ฆ่าใครแม้แต่คนเดียว
ตั้งแต่ที่เด็กหนุ่มได้กับมาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ ตั้งแต่ที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกลินเขาก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มเปลี่ยนไปที่ระเล็กระน้อย หากเป็นวินเมื่อก่อนเขาคงกล่าวปฏิเสธความคิดของลินในทันที เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีว่าการคิดแบบนี้นั้นมันอันตรายเพียงใด
‘สงใสเราต้องเปลี่ยนแผนใหม่แล้วสินะ แล้วทำไงดีวะเนี่ยมันยากกว่าการฆ่าพวกโจรอีกนะ’ ก่อนที่วินจะคิดเสร็จเด็กหนุ่มก็ได้ยินสิ่งที่เขาไม่คาดคิดจากปากของอาโออิ
อาโออิ มองสายตาที่แสดงถึงความคาดหวังของชิโระกับลิน เธอรู้ดีว่าการจับเป็นพวกโจรนั้นมันอยากกว่าการสังหารโจรเสียอีก แต่สำหรับเธอหากชิโระกับลินอยากทำแบบนั้นเธอก็จะช่วย เมื่ออาโออิคิดดังนั้นเธอจึงกับเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“ใช่ ๆ ตามที่ลินบอกนั่นแหละ แล้วส่วนเรื่องที่ชิโระอยาก รู้เอาไว้เดี๋ยวพวกพี่จัดการกับโจรเสร็จแล้ว ชิโระค่อยเข้าไปถามก็แล้วกันนะ”
“ใช่ ๆ ถ้าพี่สงใสอะไรก็แค่เข้าไปถามแค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ดูอย่างผมสิไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” คุโระกล่าวเสริมพร้อมกับหันไปมองจีน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“เนาะพี่จีน่าเนาะ”
จีน่ามองสีหน้าที่แสนมั่นใจของคุโระ หลังจากนั้นเธอก็กวาดตามองรอบ ๆ ตัวสีหน้าท่าทางที่มั่นใจของพวกลินทำให้เด็กหญิงผมทองผิวสีแทนนั้นคิดอยู่สักพัก โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กหนุ่มที่ยืนใกล้ ๆ เธอนั้นพยายามกระพิบตาส่งสัญญาณให้เธอสุดชีวิต
‘อย่านะ อย่าไปรับปากง่าย ๆ นะ ไม่งั้นงานจะเข้าพวกเรานะ’
ก่อนที่จีน่าจะปฏิเสธเด็กสาวหันมองสายตาของคุโระทำให้จีน่าต้องเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ใช่แล้วล่ะ ถ้าชิโระสงใสก็ไปถามพวกโจรตรง ๆ เลยก็ได้นะ เนอะวิน”

สิ้นเสียงของจีน่า ทุกสายตาก็จ้องมองมาทางเด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม ทุกสายตาแสดงถึงความคาดหวัง เมื่อวินได้เห็นสายตาของพวกจีน่าวินก็ยิ้มออกมาในขณะที่ในหัวของเด็กหนุ่มพยายามประมวลผลอย่างรวจเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากเด็กหนุ่มสามารถสื่อสารผ่านโทรจิตกับพวกจีน่าได้ เขาคงพูดแบบนี้
‘อ้าวทำไมต้องมาถามฉันวะเนี่ย แล้วอีกอย่างใครมันจะให้เด็กไปถามโจรกันล่ะ บ้าเปล่าวะใครมันจะให้เด็กน้อยไปถามโจรกันใช่ไหมล่ะ คิดสิคิดสิวินจะตอบยังไงดี’
วินคิดอย่างหนักใจ เดิมทีเขาก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้พวกเด็กต้องไปสู้หรือไปเจอกับโจรพวกนั้นตั้งแต่แรก ในขณะที่วินกำลังคิดหาคำตอบ คุโระก็ถามขึ้น
“ใช่ไหมพี่ ผมคิดถูกใช่ไหม”
เสียงของเด็กน้อยผมดำทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ วิน พยักษ์หน้าแทนคำตอบพร้อมกับหันไปถามหลินที่อยู่ข้างหน้าของเด็กหนุ่ม
“ก่อนอื่น ฉันอยากรู้รายละเอียดทั้งหมด หลังจากนั้นพวกเราจะมาวางแผนเพื่อบุกโจมตีพวกโจรกัน”
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ก่อนที่ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้า ณ ลานใจกลางหมู่ บ้าน ได้มีร่างของชายชรากำลังหายใจรวยริน ดวงตาของชายแก่ มองขึ้นไปบนฟ้าราวกับว่าเขากำลังรออะไรสักอย่าง รอบ ๆ ร่างที่กำลังจะสิ้นลมมีชายฉกรรจ์ยืนล้อมรอบ แม้ว่าร่างกายจะเจ็บสักแค่ไหน ทว่าลิมฝีปากของผู้เท่ากับพยายามเอ่ยบางสิ่งให้กับพวกชาวบ้านที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก แต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกลถึงชายชราจะพยายามเอ่ยสักแค่ไหน ชาวบ้านก็ไม่สามารถได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยประกอบกับอาการบาดเจ็บของชายชราทำให้ทุกครั้งที่เขาต้องการจะพูดนั้นมันช่างยากรำบาก
ก่อนที่ผู้เท่าจะสิ้นลมชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ใกล้ชาวบ้านที่สุดก็ชี้นิ้วไปยังร่างกายที่กำลังลวยริพร้อมกับหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกี้ยม
“จงดูเอาไว้นี่คือชะตากรรมของคนที่กล้าวขัดขืนพวกเรา”