หมวดเนื้อหา:
ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวจบ
จู่ ๆ
เจ้าอยากตายหรือ
ก็เกิดเสียงกึกก้องกัมปนาทดังขึ้น รอบ ๆ
บริเวณ ผืนดินและอากาศนั้นล้วนสั่นไหว อากาศรอบ ๆ
บริเวณเริ่มปิแตกเกิดเป็นช่องมิติขนาดใหญ่ พร้อมกับชายหนุ่มผมดำในตาดุจโลหิตค่อย ๆ
โผล่ออกมาจากช่องว่างมิติ ทุกสายตาล้วนจับจ้องบุรุษหนุ่มที่มาใหม่
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเข้ามาที่นี่ได้ง่ายขนาดนี้”
“เฮอะอาณาเขตแค่นี้จะนับเป็นอย่างไรได้”
น้ำเสียงหยันๆ
ประกอบกับท่าทางที่ไม่มีความหวั่นเกรงทำให้ชายอีกคนที่รับฟังอยู่นั้นคิ้วกระตุก
เขารู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
“แล้วทำไมนายถึงมาที่นี่ล่ะ คงไม่ได้มาช่วยพวกเราใช่ไหม”
“ช่วยพวกแกงั้นหรือ” ชายหนุ่มในตาสีแดงกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะยกยิ้มขึ้น
“ทำไมฉันต้องทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วยล่ะ”
“ถ้ายังงั้นแกจะมาที่นี่ทำไมล่ะ” อาเล็กซ์ถามขึ้น
สิ้นเสียงแรงกดดันอันมหาสารก็ถูกปล่อยใส่กลุ่มของอาเล็กซ์
พื้นดินสั่นไไหวราวกับว่ามีคนมาจับเขย่าผนังรอบ ๆ เริ่มมีรอยร้าว
“หัดดูแลลูกน้องของแกบ้างนะ อย่าให้มันมาส่งเสียงต่อหน้าของฉัน
ไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องแสดงให้เห็นสักหน่อยว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้
แต่ว่าหากฉันใช้พลังเต็มที่กับพวกแก
ฉันเกรงว่าพวกแกคงไม่มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้หรอก”
เขาเหลือบสายตามองบุรุษที่นั่งอย่างไม่ไหวติง‘แล้วอีกอย่างเรายังต้องใช้ให้พวกมันไปฝึกให้กับวินด้วย’
“แกมีเป้าหมายอะไรกันแน่ทำไมถึงมาที่นี่ได้ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแกคงไม่มาที่นี่อย่างแน่นอนใช่ไหม” บุรุษหนุ่มกล่าวอย่างรู้ทันพลางมองตรงมายังชายในตาหลุดโลหิตเขารู้ดีว่าชายตรงหน้านั้นจะไม่กำจัดพวกเขาในตอนนี้ทางที่ดีพวกเขาต้องหาวิธีเจรจากับชายตรงหน้าให้เร็วที่สุด
บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดงยิ้มก่อนที่จะกล่าวขึ้นโดยที่ไม่ยี่หระ
กับศัตรูตรงหน้า “สมแล้วน่ะที่เคยเป็นเพื่อนของฉันถึงไม่ต้องพูดแกก็คงรู้นะว่าต้องทำอะไรเป้าหมายของฉันก็คืออยากให้พวกแกไปโจมตีเกาะแห่งท้องฟ้า”
สิ้นคำทุกสายตาล้วนจับจ้องมายังบุรุษนัยน์ตาแดง
เขายักไหล่อย่างไม่สนใจสิ่งใด สำหรับเขาทุกสิ่ง
ทุกอย่างนั้นมันมิได้ต่างกับมด
ปลวก ทว่าหากจะให้เขาลงมือทำเอง มันก็คงเสียเวลามากเกินไป
เพราะว่าชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มนั้นกลับไม่ได้มีท่าทางตกใจเขามองชายนัยน์ตาสีแดงราวกับว่าจะรู้ทุกความคิดของชายตรงหน้า
ก่อนที่จะยกยิ้มขึ้นพลางยกน้ำขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น
“น่าสนใจดีนี่นาข้อตกลงนี้ไม่เลวเลยแต่ว่าไม่คิดว่ามันจะไม่เป็นการเอาเปรียบไปหน่อยหรอลองคิดดูดีๆ
สิ นายไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่านายจะให้พวกฉันไปต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นเนี่ยนะ
ถ้าลองคิดดูดีๆมันก็เป็นการเอาเปรียบพวกฉันมากเลยนะแล้วอีกอย่างนึงพลังของพวกนั้นก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น”
ชายหนุ่มพูดยิ้ม
ๆ ก่อนที่จะจ้องไปยังอดีตสหาย ทำทำท่าทางไม่พอใจ
สิ้นคำกล่าวพลังกดดันเริ่มแผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มทั้งสอง
ต่างฝ่ายต่างจับจ้องกันโดยที่ไม่มีใครยอมใครถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าหากพวกเขาตั้งใจร่วมมือกันจริงๆแล้วพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจจะไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้
ทว่าพวกเขากลับไม่อยากจะร่วมมือกันจัดการเผ่าทั้งสอง
“ให้ฉันลดตัวลงไปร่วมมือกับพวกแกยังงั้นหรอ อย่าพูดให้ขำ
นี่มันไม่ใช่คำขอร้องแต่มันคือคำสั่งต่างหาก”
ชายหนุ่มเว้นระยะก่อนที่จะกดเสียงให้ต่ำลงพร้อมกับปล่อยจิตสังหารทั้งหมดพุ่งใส่ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว“ลองคิดดูดีๆถ้าพวกแกขัดขืนทำให้ฉันโมโหฉันก็อาจจะฆ่าพวกแก่เลยก็ได้แต่ว่าตอนนี้ฉันยังใจเย็นอยู่เพราะฉะนั้นพวกแกควรทำตามฉันโดยดีดีกว่า”
ชายหนุ่มก้าวขาทางเรียกดาบสีดำออกมาแล้วพูดทิ้งท้าย “นี่ไม่ใช่คำขู่แต่เป็นคำสั่งจงรู้ไว้”
ท่าทางของชายตรงหน้าทำให้คนที่อยู่ในห้องประชุมรู้สึกหงุดหงิดไม่ต่างกัน
แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็รู้ดีว่าระดับพลังของพวกมันนั้นช่างต่างจากชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ต่อให้พวกมันอยากจะจัดการชายตรงหน้าสักเพียงใด ทว่าความต่างของพลังนั้นทำให้พวกมันไม่กล้าผีผามลงมือ
“แหมๆตั้งแต่ได้พลังงานมาไม่คิดเลยว่านายจะกล้าพูดถึงขนาดนี้ทั้งๆที่เมื่อก่อนพวกเราก็เคยเป็นเพื่อนกันแล้วต้องการยึดโลกใบนี้เหมือนกันแท้ๆ หรือว่าเพราะนายได้ทั้งพลังกับร่างใหม่ทำให้นายลืมอดีตไปแล้ว
ฉันคิดว่านายคงไม่ใช่พวกวัวลืมตีนหรอกนะ”
“เรื่องเก่าตั้งแต่คนหลังยังกล้าเอามาพูดต่อหน้าฉันคนนี้อีกนะ
แล้วอีกอย่างฉันได้ร่างใหม่แล้วยังไง ฉันได้พลังใหม่แล้วจะยังไง
ต่อให้ฉันจะได้อะไรแกก็ไม่สามารถทำอะไรฉันได้อยู่แล้วนี่แหละคือข้อแตกต่างของพวกเราในตอนนี้”
สิ้นคำกล่าวของบุรุษหนุ่มดวงตาสีแดงชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ก็เลิกคิ้วก่อนที่จะจับจ้องอย่างโกรธเกรี้ยวเขาไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากของอดีตเพื่อนที่เขาเคยไว้ใจที่สุด
คนที่เขาบอกทั้งแผนการวิธีการที่จะทำให้ได้พลังและเทคโนโลยีต่างๆ
ในความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้หากเป็นไปได้เขาอยากจะสังขารบุรุษดวงตาสีแดงแล้วเอาเลือดศีรษะมาร้างตีน
แต่มันคงสายเกินไปเสียแล้ว
“ถ้าฉันรู้ว่าแกจะทำอย่างนี้กับพวกฉันวันนั้นฉันคงไม่บอกวิธีการที่จะทำให้แกได้พลัง
ถ้าวันนั้นฉันเชื่อคำที่พวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจบอก ฉันคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
“เรื่องนั้นถ้าแกจะโทษก็คงต้องโทษความโง่ของแกเองนั่นแหละ
แกคงไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วฉันน่ะเป็นคนของโลกใบนี้ตั้งแต่แรก
เป็นคนที่ไร้พลังเวทและปราณ เป็นคนที่ไม่มีแม้แต่พลังที่ใช้สังหารผู้คน”
บุรุษหนุ่มดวงตาดุจโลหิตยิ้มหยันพลางกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “เพราะฉะนั้นฉันจึงหาวิธีไปโลกของพวกแก่
ให้พวกแกรู้จักกับโลกใบนี้ทำให้พวกแกสามารถเดินทางข้ามมิติได้
ให้พวกแกคิดวิธีทำให้ฉันสามารถใช้พลังทั้งสามสายได้
แต่ว่านะที่ฉันไม่คิดก็คือพวกแกสามารถทำให้ฉันได้ร่างกายที่สุดยอดขนาดนี้มายังไงล่ะ”
บุรุษหนุ่มยิ้มอย่างสะใจพลางจ้องมองไปอย่างสีหน้าของคนที่อยู่ในห้องประชุม
คนส่วนใหญ่นั้นมีท่าทางที่ตกตะลึงสีหน้าของพวกมันสีเผือกเรากลับกำลังเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด
บ้างก็เริ่มกระซิบกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆบ้างก็หันกลับมามองอย่างบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ต่อให้ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงไม่ต้องคิดเขาก็รู้ได้ทันทีว่าแผนการทั้งหมดนั้นประสบความสำเร็จความจริงแล้วการที่เขามาที่นี่ไม่เพียงแค่อยากจะให้พวกที่มาจากต่างโลกไปทำลายดินแดนเบื้องบนเท่านั้น
แต่ว่าเขาต้องการให้พวกจากต่างโลกแตกคอเพื่อที่จะได้ทำลายพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ถ้าจะกล่าวให้ถูกแผนการนี้ถูกคิดเพื่อช่วยฝึกฝีมือให้กับเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว
เพื่อที่จะให้เด็กหนุ่มผู้นั้นสามารถต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของโลกใบนี้เพื่อที่จะให้เด็กหนุ่มผู้นั้นช่วยปกป้องเราเด็กๆที่มีพลังบริสุทธิ์
ชายหนุ่มกวาดมองท่าทางที่เริ่มระวังของชาวต่างโลกพลางยิ้มเยาะในใจ ‘มันช่างง่ายดายจริง
ๆ ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้ถ้ารู้อย่างนี้เราน่าจะจัดการตั้งแต่แรก”
สิ้นคำอาเล็กซ์จึงมองไปยังหัวหน้าของตนเองอย่างหวาดระแวง
เดิมทีแล้วชายหนุ่มคิดว่าหัวหน้าของตนยังไม่ได้ค้นพบสิ่งนั้นแต่จากการที่ส่องๆดูเขาพบว่าความจริงแล้วสิ่งนั้นได้ถูกค้นพบตั้งนานแล้ว
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
ก่อนที่จะมองไปยังบุรุษที่ยืนตระหง่านราวหินผา
ท่าทางที่มีหวั่นเกรงสิ่งใดประกอบกับสายตาที่มิได้หวั่นไหวแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางศัตรู
ช่างดูคล้ายคลึงกับคนที่เขาเคยรู้จัก
ถามว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้ขอชายหนุ่มผู้นั้นได้กลับมาเกิดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วแล้วเขาก็ยังได้ปะทะร่างกายกับชายหนุ่มผู้นั้นเมื่อ
400 ปีก่อน
หากเขาคิดไม่ผิดสายตรงหน้าน่าจะเป็นอดีตคนที่เคยอยู่ในองค์กรเหมือนกับเขาและคนอื่นๆถึงได้รู้จักหัวหน้าดีขนาดนี้
“เทคโนโลยีของพวกแก่มันมีประโยชน์สำหรับพวกเราฉันเข้าใจดีว่าพวกคนที่ไร้พลังน่ะต้องการพลังขนาดไหน
ดังนั้นทำให้ต้องพัฒนาอุปกรณ์ช่วยแต่ว่าพวกแกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้พวกแกกำลังล้ำเส้นเกินไปพวกแกกำลังต้องการสิ่งที่พวกแกไม่มีทางมีและได้รับมันตั้งแต่แรก “
สิ้นคำของชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงบุรุษหนุ่มอีกผู้หนึ่งก็ยิ้มออกมา “มามาเข้าใจพูดดีๆแต่ว่าแกก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าแก่เป็นคนไปหาพวกเราแกเองต่างหากที่นำภัยพิบัติมาสู่โลกของแก”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงหันขวับไปมองอยังเสียงที่กล่าวขึ้นเขามองพลางยกยิ้มอย่างถูกใจกับคำกล่าว “ไม่ผิดแต่ว่าอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ไขว่คว้าหาพลังและอำนาจเหมือนพวกแก่
พวกแกกำลังทำอะไรอยู่เรื่องนั้นไม่ใช่ฉันไม่รู้แต่ว่าฉันแค่ไม่อยากจะมายุ่งวุ่นวายกับคนอย่างพวกแกเท่านั้น
อย่างที่ฉันบอกถ้าพวกแกตกลงทำงานให้ฉันพวกแกจะสามารถออกจากที่นี่ได้ในทันที”
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงจุดก่อนที่จะกวาดมองทุกๆคน “แต่ถ้าไม่ฉันก็คงต้องฆ่าพวกแกซะ “
สิ้นคำของบุรุษหนุ่มชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ก็โบกมือเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนที่จะกล่าวขึ้น “ย่อมได้
ฉันรับข้อตกลง แต่ว่านะถ้าพวกฉันต้องไปปะทกับคนพวกนั้น
พวกฉันก็คงไม่มีทางรอดเป็นแน่”
บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดงยกยิ้มพึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับก่อนที่จะเอ่ยอย่างเชื่องช้า “เรื่องที่พวกแกผิดข้อตกลงกับผู้ทำลายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเอง”
ภาพบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดงพูดจบเขาก็สะบัดมือ
ทันใดนั้นอาณาเขตที่กักถังก็พลันสลายหายไปทันที
“เอาล่ะไปจากการได้แล้ว
ฉันจะรอชมผลงาน”
สิ้นคำกล่าวบุรุษหนุ่มก็หันหลังกลับ
พลางสะบัดมือเรียกประตูมิติออกมา เขาก้าวเท้าโดยที่ไม่เหลียวหลัง
อย่างไรก็ตามบุรุษหนุ่มนั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกต่างโลกต้องทำตามข้อตกลงอย่างแน่นอน หากพวกมันไม่ทำตามสิ่งที่พวกมันจะได้รับก็คือความตายเท่านั้น
หลังจากที่หลุดหนุ่มนัยน์ตาหลุดโลหิตจากไปไกลแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะมองไปยังลูกน้องที่มองเขาอย่างไม่วางตา “เอาล่ะพวกเราหลังจากนี้ไปจัดการพวกเผ่าเทพกัน”
“ทำไมหัวหน้าถึงทำอะไรแบบนี้ทั้งที่คุณก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอคะว่าพวกเราไม่ควรที่จะเคลื่อนไหวในตอนนี้” อายะกาวขึ้น
สิ้นคำของอายะชายหนุ่มก็ยกยิ้มก่อนที่จะกล่าว “ไม่ต้องห่วงหรอกสิ่งที่เจ้านายต้องการจริงๆไม่ใช่การสังหารเผาเทพให้สิ้นซากและยังไม่ใช่การทำลายที่อยู่ของพวกมันอีกด้วยแต่สิ่งที่มันต้องการคือ”
ชายหนุ่มหยุดก่อนที่จะคิดต่อในใจโดยที่มิได้เอ่ยออกมา ‘ไม่นึกเลยเมื่อการทดลองนั้นจะทำให้เราต้องลำบากขนาดนี้ “
“พวกเราเตรียมตัวได้แล้วพวกเราต้องทำตามข้อตกลงให้เร็วที่สุด “
บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดงกวาดมองบริเวณที่เขาโผล่ขึ้นความมืดที่ปกคลุมทั่วอาณาบริเวณทำให้เขายิ้มขึ้นมาไม่ได้ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ที่แรกที่เขามีความผูกพันด้วยแต่ว่าหากคิดดูดีๆแล้วสถานที่อย่างนี้ก็ไม่เลว
“สงสัยศึกครั้งนี้คงจะไม่ใช่เล่น ๆ แล้วล่ะแต่ว่าฉันก็คงจะถ่วงเวลาให้แกได้แค่นี้แหละนะถ้าแกไม่รีบเก่งขึ้นฉันบอกได้เลยว่าแกคงจะตายอย่างง่ายดายแน่ๆ “
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น