คุณอยู่ที่

บทที่ 18 ผู้อหังการ ตอนที่ ¾

เขียนโดย nuttapol เมื่อ อาทิตย์, 11/27/2022 - 08:57
Share

หมวดเนื้อหา:

หลังจากการถกเถียงในกลุ่มเสร็จสิ้นลง ระยะเวลาได้ผ่านไปจนเย็นย่ำสายลมอ่อนๆเริ่มโชยกลิ่นดินขึ้นมาปะทะใบหน้า ความจริงแล้วบรรยากาศแบบนี้ควรเป็นบรรยากาศที่ทุกคนมีความสุขทำตัวสบายๆเพราะว่ามันกลับตรงกันข้าม ผู้คนต่างวิ่งเตรียมของกันขวักไขว่เพื่อจะไปบุกเผ่าเทพ “ปืนเวทมนตร์เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม” เสียงของอายะกล่าวกับลูกน้องของเธอ
“เรียบร้อยแล้วครับ ทั้งปืนและลูกกระสุน”
อายะพยักหน้ารับคำรายงานพลางจดสิ่งที่ลูกน้องของเธออธิบายอย่างตั้งใจ
ฟ้ามองการทำงานของอายะ ก่อนที่จะตัดสินใจกล่าว “ฉันขอเบิกกระสุนก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้หรอก จนกว่าพวกเราจะไปจัดการเผ่าเทพ แล้วอีกอย่างนึงฉันกับยายเมยังโดนหัวหน้าค่าโทษไว้อยู่นะอย่าลืมสิ”
“จริงด้วย พวกเธอนี่มันหน้าสงสารจริง ๆ “
สิ้นคำกล่าว อายะพลันคิ้วกระตุก หญิงสาวหยุดมือก่อนที่จะหันขวับมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ ข้าง ๆ “อย่ามากวนตีนฉันนะคะคุณฟ้า ไม่ยังงั้นฉันจะฆ่าคุณก่อน”
ฟ้าแสดงท่าทางหวาดกลัว “อย่านะคะ ฉันกลัวแล้ว”
ทางฝั่งของบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดง
ยาโมโตะ มองชายตรงหน้าที่กำลังอธิบายแผนการทั้งหมดให้เขาอย่างไม่เต็มใจนัก เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าจะลงไปใต้พื้นพิภพเพื่อไปต่อสู้ช่วงเวลาและสังเกตเผาปีศาจพวกเขากลับต้องคิดแผนรับมือใหม่ หลังจากที่ชายในตาสีแดงอธิบายแผนการทั้งหมดให้อดีตสหายของตนเองฟังเขาก็หันกลับมาถามแผนการของยาโมโตะ
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เองฉันก็ว่าอยู่ทำไมอาจารย์ถึงทำแบบนั้นกับเด็กนั่น” ใช้ในตาสีแดงยกยิ้มขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัำใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะไปอัดคนที่เขาเรียกว่าอาจารย์ให้รู้แล้วรู้รอดเพราะว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาอันควรที่พวกเขาทั้งหมดต้องไปเจอหน้ากัน
“ใช่แล้วหล่ะ ฉันไปเจอเด็กคนนั้นที่ดันเจี้ยนด้วยล่ะ ฉันคาดไม่ผิดมันน่าจะประมาณ 2 ปีก่อนหรือเปล่าหรือ 1 ปีฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่”
ยาโมโตะหยุดกล่าวก่อนที่จะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น “แต่ว่าจากที่ฉันประเมินดูคร่าวๆฝีมือนี้ยังไม่เอาอ่าวเลยล่ะอีกนานเลยกว่าที่จะเก่งเท่าพวกเรา ขนาดอาจารย์ให้ทั้งหนังสือเวทย์มนต์แล้วก็ผลไม้ที่ช่วยปลุกพลังด้วย ยังมีฝีมือแค่นี้เลยช่างเป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้นจริงๆแตกต่างกับพ่อตัวเองมากๆเลยล่ะ” ยาโมโตะมองบุรุษหนุ่มเป็นเชิงขอความคิดเห็น
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าพวกแกกับอาจารย์จะทำอะไรกับหมอนั่นบ้าง ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย แต่ว่าสิ่งที่มันน่าสนุกก็คือหลังจากนี้ ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าหลังจากที่มันพบความจริงทั้งหมดมันจะคิดยังไงกับตัวเอง”
หลุดหนุ่มแสยะยิ้มก่อนที่จะคำนึงกับตนเอง ‘ต่อให้พวกแก่จะพยายามกันสักแค่ไหนสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็คงเป็นเช่นเดิม คนแบบมันฉันเคยเห็นมาเยอะแล้วคนที่มีจิตเครียดแค้นพยาบาท คนที่ไม่ยอมให้ใครทำอะไรกับสิ่งที่ตัวเองรักคนที่มั่นใจเลยคิดว่าตัวเองสามารถปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างได้ แล้วถ้ามันรู้ล่ะทุกสิ่งทุกอย่างที่มันต้องการจะปกป้องมันเป็นสิ่งที่หลอกลวงมามันจะทำยังไง เรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนุก”
เขามองไปยังยาโมโตะที่นั่งจ้องเขาอยู่ก่อนที่บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีแดงจะตัดสินใจกล่าวกับอดีตสหายของตนเอง “ฉันไม่สนใจหรอกว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะในสงครามครั้งนี้ เผ่าเทพและปีศาจที่เคยมีอำนาจในอดีตแต่กลับต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้วถูกมนุษย์ทั้ง 3 เนรเทศไปนอกดินแดงจะสามารถนำอำนาจของตนเองกลับมาได้หรือเปล่ารวมไปถึงเผ่าพันธุ์ที่เกิดใหม่ที่ถือว่าตนเองมีอารยะและพลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดจะสามารถครอบครองดินแดนแห่งนี้ได้หรือไม่”
ท่าทางอยากรู้อยากเห็นของยาโมโตะทำให้บุรุษหนุ่มกล่าวความในใจของตนเองมาทั้งหมดโดยที่ไม่คิดจะปิดบังอดีตเพื่อนของตนแม้เพียงนิด “แล้วอีกอย่างนึงกลุ่มคนที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนของตนเอง อันที่จริงแล้วต่อให้ใครจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะมันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันแต่ว่าสิ่งที่ฉันอยากเห็นจริงๆมันก็คือ”
รูปหนุ่มนัยน์ตาโลหิตค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาอดีตสหายของตนแล้วกระซิบให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ‘ก่อนที่จะได้ต่อสู้กับ 3 บุรุษในตำนานตั่งหากที่เป็นเป้าหมายของฉัน”
สิ้นคำกล่าวชายหนุ่มที่มีดวงหน้าดุจอิสตรีก็เบิกตาด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะกล่าวอย่างไม่เต็มเสียงนัก “อย่าบอกนะว่านายก็ต้องการสู้กับอาจารย์ด้วย แต่ว่านะนายก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่อีก”
บุรุษหนุ่มยิ้มเสียก่อนที่จะพูดขึ้น “ประเมินฉันต่ำไปการที่ฉันกล้าพูดแบบนี้แสดงว่าฉันนั้นได้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วห รอก็แตให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง”
‘หลังจากนั้นเรานี่แหละที่จะขึ้นไปแทนพวกมันเอง’
“เอาไว้ถ้าถึงวันนั้นพวกเราค่อยมาต่อสู้กันก็แล้วกันถ้าวันนั้นนายจะทำแบบนี้ฉันก็คงจะจำเป็นต้องฆ่านาย “
ชายหนุ่มนัยน์ตาโลหิตจะยิ้มอย่างถูกใจก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วไม่เหลียวหลัง “เผ่าปีศาจสินะเดี๋ยวฉันไปจัดการคนเดียวก็ได้ถ้าเอานายไปมันก็เกะกะเปล่า ๆ แล้วอีกอย่างนึงฉันก็ต้องการไปหาอาจารย์ด้วย”
“อาจารย์สั่งให้พวกเราทำงานด้วยกันนะ แล้วอีกอย่างนึงฉันว่านายคงไปหาอาจารย์ไม่ได้ง่ายๆ ว่าท่านไปยังที่แห่งนั้นตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่อาจารย์ส่งพวกต่างมิติไปยังบาเรีย”
บุรุษหนุ่มยิ้มหยัน ๆ พลางสาวเท้าไปเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล ‘ไม่เห็นจะยากถ้ามันหายากนักฉันเนี่ยจะเป็นคนลากคอมันมาเอง หรือถ้ามันวุ่นวายนะก็ไปจัดการลูกศิษย์โปรดของมันซะเดี๋ยวไอ้คนที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ก็โผล่หัวมานั่นแหละ”
ไอสังหารของบุรุษตรงหน้าทำให้ยาโมโตะสะดุ้งในใจ ‘คงไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ’ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามถ่ายเบื้องหน้าก็เปิดประตูมิติแล้วสาวเท้าเข้าไปโดยที่ไม่คิดจะหันหลังกลับมามองอีก
ยาโมโตะยิ้มก่อนที่จะพูดเบาๆกับตนเอง คนอะไรจะคำนวณได้ถึงขนาดนี้วางแผนทุกสิ่งทุกอย่างไว้แล้วชักจูงให้พวกเราทำตามอย่างนั้นหรอ สมแล้วที่เป็น สตรีหนึ่งเดียวที่อาจารย์รัก” เขาค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะเปิดประตูมิติออกมาเช่นเดียวกัน ในแผนการที่บุรุษหนุ่มได้รับฝากเอาไว้หากเขาไม่สามารถให้ชายในตาลดโลหิตไปจากการเผามาได้ให้เขาไปจากการเพียงคนเดียวแต่ถ้าหาก เขายอมตกลงจากการแผนการต่อไปก็คือไปจัดการเผ่าเทพ แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างงั้นกลับต้องเปลี่ยนแปลงไปเพราะบุรุษหนุ่มในตาแดงได้สั่งให้พวกปากไม่ดีไปจัดการเผ่าเทพเรียบร้อยแล้ว
‘แบบนี้เราก็ว่างงานสินะไม่น่าเลย’
ทางฝั่งของพวกอะคา
“ พลังแบบนี้มันเป็นพลังที่ฉันเคยสัมผัสได้ก่อนวินจะหายตัวไป” เมเปิ้ลเก่าอย่างเคร่งเครียด
ชายหนุ่มผมสีแดงหิวข้าวหมดก่อนที่จะหันไปปรึกษากับคารอสและแฟนท่อมที่นั่งเคร่งเครียดไม่ต่างกัน “อย่าบอกนะพวกนายยังไม่ได้จัดการ มันอีก ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะบาดเจ็บสาหัสหลังจากสู้กับฉันแล้วก็พวกนายทั้งสองคนฆ่าไปแล้วไม่ใช่หรือไง”
แฟนท่อมคิ้วขมวดก่อนที่จะกล่าว “วันนั้นน่ะพวกผมสู้กับมันแล้วจำได้ว่าเป็นคนฆ่ามันกับมือเลยนะมันไม่มีทางที่จะรอดได้หรอกหัวของมันหลุดกระเด็น”
สิ้นคำของเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มคารอสก็ยิ้มแล้วส่ายศีรษะปฏิเสธความคิดของ แฟนท่อม ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาก่อนที่ คารอสจะพูดเรากลับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก “วันนั้นน่ะหรอมันเป็นเพจมนต์รวมตาชนิดนึงถ้าจำไม่ผิดแล้วหรอน่าจะสามารถหลอกพวกแกได้สบายๆเลยนะแต่ว่ามันก็ไม่มีผลอะไรกับข้าหรอกนะ”
“แล้วทำไมแกไม่สังขารมันซะวะ”
คารอสยิ้มๆก่อนที่จะพูดอย่างไม่แยแส “จะบ้าหรือไงทำไมฉันจะต้องจัดการคนเก่งๆแบบนั้นด้วย ตอนนั้นฝีมือของเจ้านั่นไม่สูงเท่าพวกเรา แต่ว่า ณ ตอนนี้ดูจากพลัง คงเหนื่อยกว่าพวกเราไปประมาณ 2-3 ส่วนแล้วนายลองคิดดูดีดี สิ ถ้าฉันจัดการคนแบบนั้น วันนี้ฉันคงร้องไห้แน่ๆ”
คำกล่าวที่มีรอยยิ้มแต่งต่างๆพร้อมสีหน้าที่เรากลับได้ของเล่นชิ้นใหม่ทำให้พวก อะคาไร้คำจะกล่าว จิตใจเมื่อคารอสเห็นดังนั้น ชายหนุ่มจึงพูดอย่างสนุกสนาน “ข้ารอเวลานี้มาตั้งนาน คนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรานอกจากพวกนั้น คงมีแต่ชายคนนี้แหละ”
เขาเลียริมฝีปากก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียง “ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้มันมาหาข้าหลังจากนั้นข้าจะลองต่อสู้กับหมัน หลังจากนั้นถ้าฆ่าตายถูกมันสังขารจนสิ้นชีวีไปแล้วที่เหลือก็ยกให้กับพวกแก่อะไรก็แล้ว แต่แต่ว่าคงไม่มีวันนั้นหรอกฮ่าๆๆ”
“พอได้แล้วฉันต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้จักชายคนนั้นเลยทั้งทั้งที่มีพลังมหาศาลขนาดนี้” เมเปิ้ลหันไปมองหน้าบุรุษทั้งสอง
“ชายคนนั้นเป็นผู้ที่มีพลังใกล้เคียงกับบุรุษทั้ง 3 ที่เคยจัดการเผ่ากับปีศาจ ความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่ประจักษ์ เพราะว่าด้วยนิสัยอันทรนงทำให้ชายคนนี้ไม่แยแสสนใจต่อโลกเขาต้องการเพียงแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้น”
อะคากล่าวก่อนที่จะหยุดพูดแล้วยกชาขึ้นมาจิบพลางหวนรำลึกถึงอดีต “ชายคนนั้นเป็นอันตรายต่อพวกเราเกินไปจุดมุ่งหมายของเขามันเป็นอุปสรรคทำให้พวกเราต้องร่วมมือกันจัดการแต่ว่าฉันก็ไม่คิดเลยว่านายจะปล่อยมันไป” เขาหันไปมองตัวปัญหาที่สุดในกลุ่ม
“ไม่ต้องชมขนาดนั้นก็ได้ความจริงแล้วความคิดของข้าก็เหมือนกับมันนั่นแหละไฝ่หาแต่ความแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นจึงสนใจในตัวมัน แล้วข้าก็รู้ว่าข้าคิดไม่ผิดวันนี้มันแข็งแกร่งเกินคาดด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มหันมอง พวกอะคาและแฟนท่อมก่อนที่จะกล่าว “แต่ว่าเรื่องนี้ถ้าชอบกันจริงๆแล้วมันเป็นความผิดของพวกแกที่ทำการผนึกข้าไว้ตั้งหลายปี ถ้าไม่อย่างนั้นฝีมือของข้าคงห่างกับมันไปแล้วหลายขุม”
ฮารุกะขมวดคิ้ว พลางวาดแผนผังและคำนวณพลังเวทย์ ของพวกเขาทั้งหมด “จัดที่ฉันได้คำนวณคร่าวๆต่อให้พวกเราเข้าไปทั้งหมดก็ไม่มีทางชนะได้อย่างง่ายดาย นี่ยังไม่นับพวกเผ่าเทพและมารที่อาจจะทำลายอาณาเขตเวทมนตร์ได้อีกด้วย ศึกครั้งนี้ยังไงก็ไม่มีทางชนะ เว้นเสียแต่พวกเราจะไปที่วิทาเรีย”
เมเปิ้ลใส่ศีรษะปฏิเสธความคิดของฮารุกะ “ไม่ได้หรอกต้องให้พวกเราต้องตายพวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่ไม่อย่างนั้นแผนการที่พวกเราอุตส่าห์ทำมาทั้งหมดก็จะล้มเหลว ฉันยังไม่อยากให้ลูกของฉันเดือดร้อน แล้วอีกอย่างถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะจบเรื่องโดยที่ไม่ต้องลากให้พวกเด็ก ๆ มาเกี่ยวข้องกับการศึกครั้งนี้“
อะคาส่ายหัวปฏิเสธความคิดของเมเปิ้ลอีกทีนึง “ไม่หรอกเธอคิดผิดแล้วล่ะเรื่องที่จะไม่ให้เด็กๆมายุ่งกับเรื่องในครั้งนี้”
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ฉันรู้ดีฉันคิดมันอาจจะดูแล้วหลายไปแต่ว่าทำไมนายถึงพูดเหมือนกับว่ารู้ว่ายังไงก็มีทางกันพวกลูกๆของเราออกจากเรื่องนี้ได้”
“นั่นก็เพราะว่ามันเป็นชะตากรรมของเด็ก ๆ ตั้งแต่ต้น ฉันพยายามคิดตั้งหลายวิธีแล้วแต่ว่าก็ยังไม่เห็นทางแอบตั้งแต่ที่เราเจอกับเด็กหนุ่มคนนั้นชะตากรรมและวงล้อแห่งโชคชะตาก็เริ่มหมุนอีกครั้ง “
“ถูกยิงที่เจ้าอะคาพูดนั่นแหละยายหนูทั้งสองเรื่องที่พวกเราก็ทำได้มันไม่ค่อยมีในยุคนี้แล้วหรอแต่ถ้าหากพวกเจ้าต้องการที่จะช่วยจริงๆถ้ามีวิธี” คารอสหยุดกล่าวเขามองท่าทางที่แสดงความสนใจของทุกๆคนก่อนที่จะกล่าว
“นั่นก็คือจัดการชาวต่างมิติแล้วก็ให้โลกนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมมี 3 ขั้วอำนาจยังไงล่ะ”
สิ้นคำจิตสังหารของอะคาและแฟนท่อมก็พุ่งออกมาจากร่าง กระจกต่างสั่นไหวและเริ่มมีรอยร้าว “เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนือขอบเขตของพวกเราแล้วอีกอย่างนะอย่าสำคัญตัวผิด ฉันเตือนแกด้วยความหวังดีนะถ้าไม่อย่างั้นพวกเราคงต้องจัดการสังหารแกซะ ก่อนที่พลังของแกจะกลับคืนมาเหมือนเดิม“
“ใช่แล้วล่ะครับพี่ คารอส เรื่องนี้มันอยู่เกินขอบเขตของพวกเรานะครับทางที่ดีผมว่าพวกเราปล่อยให้พวกเด็กๆเขาจัดการดีกว่า เอาไว้ถ้าเผ่าเทพหรือมารจะยื่นมือเข้ามายุ่ง พวกเราค่อยจัดการจะดีกว่าไหมครับ อีกอย่างนึงผมไม่เห็นด้วยเลยกับการที่จะให้พวกเราไปตสลายเขตอาคม ที่ กักขังพวกมันไว้”
ฮารุกะมองท่าทางเคร่งเครียดของพวกออะคากับคารอส “ถ้าเราต้องการที่จะทำลายอาณาเขตจริงๆเราคงต้องเตรียมตัวที่จะปลดผนึกพลังทั้งหมด ของ 4 เทพ แต่ว่าถ้าคำนวณผลได้ผลเสียมันไม่คุ้มหรอกต่อให้เราทำลายอาณาเขตทั้งหมดได้แล้วก็มีปัญญาไปสู้ต่อดีๆพวกต่างมิติเองก็รู้เรื่องนี้ไม่อยากจะไปยุ่งกับเผ่าเทพและมารยังไรล่ะ”
เมเปิ้ลกล่าวสำทับความคิดของฮารุกะ “ถูกแล้วล่ะแต่ว่าที่สำคัญฉันก็ไม่อยากให้ชาวต่างมิติมายุ่งกับพวกเด็ก ๆอยู่ดี”
อะคามีท่าทางสนใจก่อนที่จะกล่าวอย่างจริงจัง “พวกเราตกลงกันไว้แล้วว่ายังไงพวกเราก็จะไม่ไปยุ่งเด็ดขาดต่อให้ใครจะเป็นอะไรก็ตามแต่ว่าอย่างที่ฉันเคยบอก ถ้าหากพวกมันเข้ามายุ่งพวกเราก็จะไม่ยอมเหมือนกัน” เขาทำท่าทางปาดคอประกอบ