หมวดเนื้อหา:
พอชายสวมหน้ากากมาถึง เขาก็วางร่างของคาลอสลงที่พื้นและหันมาคุยกับวินในทันที
“เป็นไง แกยังไม่เก่งขึ้นเท่าไหร่เลยนี่” สายตาที่แสดงถึงความดูถูกได้มองมาอีกครั้ง ทำให้วินรู้สึกไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นวินก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถต่อสู้อะไรกับชายคนนี้ได้เลย ทำให้วินได้แต่นิ่งเงียบและไม่ได้ตอบโต้อะไร
“หากแกไม่รีบเก่งมากกว่านี้ แกจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้” ชายตรงหน้าหยุดให้วินคิดตาม พร้อมทั้งเริ่มพูดด้วยถ้าทางจริงจังพลางมองไปยังร่างที่อยู่บนพื้นที่กำลังหายใจรวยรินพร้อมที่จะตายไปได้ทุกเมื่อ
“แกดูสิ ขนาดคาลอสให้พลังเวทกับแกยังอยู่ในสภาพนี้”
วินมองตามสายตาของชายหน้ากาก ที่มองร่างของคาลอสอย่างสมเภทและหันมามองวินอีกครั้ง
“แต่แกก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพียงนิด” ชายสวมหน้ากากมองวินและเขาก็ได้ตัดสินใจทำบางอย่าง
เขาได้วาดวงเวทที่มีรูปร่างเป็นวงกลมและข้างในมีเข็มนาฬิกา พอชายคนนั้นได้ใส่พลังเวทลงไปทำให้เข็มนาฬิกาเริ่มเดินอีกครั้ง แทนที่มันจะเดินไปข้างหน้าแต่มันกับหหมุนย้อนกลับ
“ข้าจะส่งแกไปยังสี่ร้อยปีก่อน ตอนนั้นดันเจี้ยนแห่งนี้จะมีมอนสเตอร์ที่มีความดุร้ายและมีความกระหายเลือด หากแกฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด แกก็จะถูกส่งกลับมายังที่เดิม แต่หากไม่แกก็จะต้องถูกพวกมันฆ่าตาย”
“มันเป็นทางเดียวที่ผมจะได้พลังสินะ” พอวินพูดจบ วงเวทค่อย ๆ ดูดวินเข้าไปและพอวินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ได้พบว่าในตอนนี้เขาก็ได้ยังอยู่ที่เดิม แต่ดันเจี้ยนที่เขาอยู่นั้นไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
วินกวาดสายตาไปรอบ ๆ และได้พบว่ารอบๆ ตัวของเขานั้นเริ่มมีบางสิ่งกำลังเข้ามา เขาเพ่งสายตาและพบว่าพวกมันเป็นสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่จะแตกต่างตรงที่พวกมันมีหูและกลีบเท้าเหมือนกับสัตว์ป่า แต่วินก็ต้องตกใจมากขึ้นอีกเมื่อเขาได้ยินเสียงที่เขาไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่นี่ มันคือเสียงของผีดิบที่อยู่ในเกมที่เขาเคยเล่นมาก่อน
พอวินได้หันไปมอง เขาก็พบว่าตอนนี้เขากำลังถูกพวกมันประกบและถ้าทางพวกมันจะมองว่าเขาเป็นอาหารแสนโอชะสำหรับมันเสียแล้ว
“ใจเย็น ๆ เพื่อน เราต้องคุยกันอย่างปัญญาชนสิวะ” แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ พวกมอนสเตอร์และผีดิบได้วิ่งเข้ามาโจมตีวินในทันที
“ชิบหายแล้วตู ทำไงดี” วินหาวิธีหนีแต่เขาก็ได้นึกถึงหน้าของแฟนท่อม อะคา และเพื่อนๆ ใหม่ของเขาทำให้วินได้ตัดสินใจ ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่กำลังจะมาฆ่าเขาทันที
“ฉันจะไม่ยอมหนีอีกแล้ว ต่อให้ต้องตายตรงนี้ก็ตาม” วินได้ผนึกพลังปราณให้มาอยู่ที่หมัดและขาของเขา พลังปราณสีแดงราวกลับเปลวไฟได้ส่องแสงสว่างไปรอบ ๆ ดันเจี้ยนที่มืดมิด และทันใดนั้น เด็กหนุ่มได้ตัดสินใจพุ่งตัวไปโจมตีศัตรูที่กำลังเข้ามาโจมตีเขาก่อนทันที วินใช้หมัดต่อยไปที่หน้าของมอนสเตอร์ตัวนั้น หลังจากนั้นก็เตะมอนสเตอร์อีกตัวที่อยู่ข้าง ๆ กันทำให้พวกมันล้มไปด้วยกัน
ทันใดนั้นเขาก็เห็นกลงเล็บของผีดิบสาวที่กำลังพรุ่งตรงมาหาท้องของเขา ทำให้วินต้องกระโดดหลบในทันที จากนั้นเขาก็ได้ม้วนตัวเตะด้วยขาทั้งสองข้างทำให้ผีดิบสาวกระเด็นออกไป หลังจากที่พวกมันโดนปราณไฟของวิน ร่างกายของพวกมันก็ได้ถูกเปลวไฟเผาผลาญจนร่างกายค่อย ๆ สลายหายไปเป็นเท่าถ่าน
เมื่อวินเห็นดังนั้น เขาจึงได้วิ่งไปรอบ ๆ พวกผีดิบ เพื่อหาสิ่งของที่สามารถช่วยเขาโจมตีได้ วินวิ่งไปพร้อมทั้งโจมตีพวกผีดิบที่เข้ามาขวางหน้าของวิน กระทั่งผ่านไปสิบนาทีวินก็ได้พบกับทางตันทำให้เขาไม่สามารถหนีได้อีก ซ้ำร้ายพวกผีดิบและมอนสเตอร์ก็กำลังตามหลังเขามาติด ๆ
“ตายเป็นตาย ยังไงก็ไม่มีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว” ข้างหลังของเด็กหนุ่งคือกำแพงหินอันแสนเย็นยะเยือก ข้างหน้าคือฝูงซอมบี้และมอนสเตอร์จำนวนมากที่กำลังวิ่งตามมา วินได้เริ่มหลับตาและผนึกปราณไฟไปที่เท้าและมือทั้งสองข้าง
“แน่จริงพวกแกก็เข้ามาสิวะ” สิ้นเสียงของเขา คล้ายว่าพวกมันจะรับรู้ถึงความต้องการของวิน เพราะมีซอมบี้ตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาหาวินในทันที วินได้ผนึกปราณไฟไปที่ขาและกระโดดขึ้นไปที่หัวของมันทันที พอมันได้โดนไฟของวินมันก็ร้องด้วยความเจ็บปวด
วินได้เปลี่ยนการต่อสู้ของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้ให้พวกผีดิบมาอยู่ตรงกำแพงและได้ใช้เท้าของเขาเหยียบไปที่ตัวของพวกมันเพื่อจะได้ฆ่ามันง่ายขึ้น ผ่านไปสิบนาทีพวกผีดิบต่างก็ถูกเขาจัดการจนหมด เหลือก็เพียงพวกมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างค้ายมนุษย์เท่านั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตามวินก็แทบไม่มีกำลังจะจัดการพวกมันได้
“ใช้ได้นี่เจ้ามนุษย์” เสียงอังทรงอำนาจดังขึ้น ทำให้วินต้องหันไปมองยังที่แห่งนั้น สิ่งที่เขาเห็นคือมอนสเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ที่มีหัวเป็นสิ่งโต แต่ร่างกายท่อนล่างยังเป็นมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าพวกนี้มันจัดเป็นเผ่าพันธุ์อะไรกันแน่
“แกเป็นหัวหน้าสินะ”
“ใช่ แต่แกคงไม่มีแรงเหลือมาสู้กับข้าหรอก” มันพูดพร้อมทั้งให้ลูกน้องของมันถอยไปและค่อย ๆ เดินมาหาวินด้วยความใจเย็นราวกับว่าวินจะไม่มีทางหนีเงื้อมือของมันไปได้
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ข้าไม่ให้แกตายง่าย ๆ แน่นอน”
“แกต้องการอะไร” วินถามพร้อมทั้งเตรียมใช้พลังปราณอีกครั้ง
“ข้าต่างหากที่ต้องถามแก ว่าแกผ่านพวกผีดิบที่พวกข้าสร้างขึ้นมาได้ยังไง” ชายตรงหน้ามองวินด้วยความพินิตอีกครั้งและพูดด้วยความแปลกใจ
“ดูจากฝีมืออันแสนต่ำต้อยของแก มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่แกจะสามารถเข้ามาที่แห่งนี้ได้”
“หมายความว่าไง” วินถามด้วยความไม่เข้าใจพร้อมทั้งโคจรลมปราณเพื่อให้พลังของเขากลับคืนมาอย่างช้า ๆ
เขามองประเมินมนุษย์ตรงหน้าและถามขึ้นอีกครั้ง “แกรู้เรื่องดันเจี้ยนนี้มาจากมนุษย์ในหมู่บ้านอย่างนั้นหรอ”
“ไม่ต้องถามมันหรอกหัวหน้า ยังไงมนุษย์มันก็ไม่มีทางบอกความจริงกับพวกเรา” เสียงของชายคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธพร้อมทั้งใช้พลังบางอย่างหายตัวมาข้างหน้าของวิน และนำมืออันใหญ่โตยื่นออกหมายจะบีบคอของวิน
มีหรือที่เขาจะยอม วินใช้มือของเขาคว้ามือของชายตรงหน้าพร้อมทั้งบิดอย่างแรง
“อ๊ากกก! แกไอ้มนุษย์เวณ แกกล้าทำข้าอย่างงั้นหรอ”
“หยุดสักที” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้ชายตรงหน้าของเขาหยุดการกระทำทั้งหมดและหายตัวกลับไปยืนข้างๆ หัวหน้าของมันทันที
“เมจัดการเจ้าเด็กคนนั้นผนึกพลังของมันก่อน” สิ้นเสียงอันทรงอำนาจก็ได้มีมนุษย์ที่มีรูปร่างเหมือนกระต่ายได้หายตัวมาข้างหน้าวินและได้ใช้เข็มฉีดยาจิ้มไปที่แขนของวิน โดยที่วินยังไม่ได้ผนึกพลังโจมตี พอวินรู้สึกตัวก็ได้พบว่าได้มีน้ำสีดำค่อย ๆ ไหลจากเข็มฉีดยาเข้าไปในตัวของวินอย่างช้า ๆ
‘งานเข้า’ วินพยายามโคจรพลังของเขาแต่มันกลับไม่ได้ผล
“ไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยไปหรอกเจ้าหนุ่ม” เสียงอันหวานใสของมนุษย์กระต่ายพูดกับวิน
เมื่อวินเห็นดังนั้นสมองของเขาจึงได้พยายามคำนวนวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวจเร็ว
‘ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาวิธีมาเจรจากับหัวหน้าของพวกมัน’ ในขณะที่วินกำลังจะพูด เขาก็เริ่มรู้สึกว่ายาตัวที่เขาถูกฉีดเข้าไป มันทำให้การรับรู้ของเขาเริ่มมีปัญหา
“ไม่ต้องห่วงเจ้ามนุษย์พวกข้าจะยังไม่ฆ่าแก แต่ต้องขอให้แกอยู่นิ่งๆ ไปสักพักหนึ่ง” สิ้นเสียงวินก็หมดความรู้สึกไปในทันที
ในเวลาเดียวกันชายสวมหน้ากากก็ได้รักษาคาลอสจนเขาอาการดีขึ้น พอคาลอสได้ลืมตาเขาก็ต้องตกใจในทันที เพราะตอนนี้เขาได้เห็นหน้าตาของชายสวมหน้ากากอีกครั้ง
“เป็นไงคาลอส เราไม่ได้เจอกันมานานแล้วนี่”
สิ้นเสียงอันแสนคุ้นเคย คาลอสก็พยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อมาคำนับคนที่เขาไม่ได้เจอมาแสนนาน คนที่คาลอสคิดว่าเขาได้ตายไปนานแล้ว คาลอสพยายามมองอีกครั้งสำหรับเขาเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ หรือหากเป็นไปได้ มันก็คงเป็นได้แค่ความฝัน
คาลอสมีน้ำตาไหลออกมา หากเขาทำได้เขาคงลุกขึ้นไปหาชายตรงหน้าของเขาแล้ว แต่หากร่างกายที่แสนอ่อนแอของเขานั้นมันไม่ฟังคำสั่งเสียเลย
‘นี่ข้ากำลังจะตายจนเห็นท่านเลยหรือนี่ แต่ก็ดีแล้วการที่อาจารย์ของข้ามารับข้านั้นเป็นเรื่องที่หน้ายินดีเสียจริง’
คาลอสกำลังจะหลับตาอีกครั้ง แต่พอเขารู้ว่านี่มันไม่ใช่ความฝันเขาก็ต้องตกใจ “นี่อาจารย์ ทำไมท่านถึงยังไม่ตาย”
“นี่เป็นคำที่แกใช้ทักทายคนที่เป็นอาจารย์อย่างนั้นหรอ” ชายสวมหน้ากากมองลูกสิตของเขาด้วยความคิดถึง ถึงแม้เขาจะคิดถึงลูกศิษย์คนนี้เพียงใดแต่เขาก็ต้องตัดสินใจสั่งคาลอส ชายสวมหน้ากากโน้มตัวไปพูดกับลูกสิตของเขา เสร็จแล้วเขาก็ปล่อยให้คาลอสนอนอยู่ที่แห่งนี้เพื่อรอวินกลับมาอีกครั้ง
‘สงใสวันที่เราจะได้ตัดสินกันคงต้องเลื่อนออกไปก่อนสินะอะคา’ คาลอสหลับตาลงเพื่อรวบรวมพลังอีกครั้ง
ขณะที่อะคาและแฟนท่อมกำลังรอวินอยู่หน้าดันเจี้ยน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทอันแสนคุ้นเคย
“นี่มัน” แฟนท่อมหันไปถามอะคาที่แสดงศรีหน้าตื่นเต้น ชายผมแดงไม่ได้พูดอะไรแต่เขากลับหันไปยังที่ที่ไม่มีคนอยู่และพูดขึ้นมาว่า
“นี่ท่านยังไม่ตายจริง ๆ ด้วยสินะ ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านต้องการจะทำอะไร แต่หากครั้งนี้ท่านไม่บอกข้า” อะคาได้แผ่จิตสังหารของเขาไปเพื่อที่จะให้ชายสวมหน้ากากที่อยู่มิติอื่นได้รับรู้
“ท่านตายแน่นอน ข้าจะใช้ทุกวิชาตามไปสังหารท่าน”
สิ้นเสียงก็ได้มีเสียงของชายหนุ่มตอบกลับอะคาและแฟนท่อมทันที
“หากพวกเจ้าต้องการจงฝึกพวกลูกของเจ้าให้เก่ง และในไม่ช้านี้พวกเราจะได้เจอกันอย่างแน่นอน หากพวกเจ้าต้องการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่แสนโสมมของโลกนี้”
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น