หมวดเนื้อหา:
ณ บ้านของพวกอะคา
ผ่านมาสี่ปีแล้วที่พวกอะคาได้นำคุโระและชิโระมาอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองนั้นจะมีอายุแค่เพียงสีขวบ หากแต่การเจริญเติบโตนั้นก็เหมือนเด็กอายุหกขวบเจ็บขวบไปแล้ว ทั้งร่างกายและสติปัญญาของเด็กทั้งสองนั้นดีกว่าเด็กวัยเดียวกันเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งอะคาและฮารุกะนั้นดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ทั้งอะคาและฮารุกะกำลังมองเด็กทั้งสามที่กำลังวิ่งเล่นไล่จับด้วยกันอย่างสนุกสนานในบ้านของพวกเขานั่นเอง ผ่านไปสักพักฮารุกะก็พูดกับเด็กสาวที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม
“นี่อาโออิ เล่นกับน้องไปก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ไปทำอาหารเย็นให้ก่อน”
“อื้อ” เด็กสาวพยักหน้าตอบพร้อมทั้งจับชิโระกับคุโระมาจั๊กจี้ ทำให้เด็กทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุข
“แล้วก็อย่าพาน้องไปเล่นข้างนอกนะ”
“อื้อ หนูรู้แล้วหน้า” สิ้นเสียงอาโออิก็เล่นกับคุโระและชิโระต่อ เมื่อฮารุกะได้เห็นอย่างนั้นเธอจึงเตรียมตัวไปทำอาหารในทันที พอฮารุกะลุกขึ้นไปทำกับข้าวอะคาก็ได้เดินตามภรรยาของเขาไป
พออะคาพบว่าเด็กทั้งสามจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดอะคาจึงได้ปรึกษาฮารุกะในทันที
“นี่ สังเกตไหมว่าพลังเวทของคุโระกับชิโระมันแปลกๆ”
เมื่อฮารุกะได้ยินอย่างนั้นเธอจึงหันมามองยังอะคา
“ไม่นี่คะ ฉันว่าคุณคิดมากไปหรือปล่าว” ฮารุกะหันมามองอะคาด้วยความสงใส
เมื่ออะคาเห็นอย่างนั้นเขาจึงก้มลงไปกระซิบกับฮารุกะในทันที
“คุณจำได้ไหม วันที่เราไปรับคุโระและชิโระมาเลี้ยง”
ฮารุกะพยักหน้าตอบ
“ก็ตอนนั้น เด็กทั้งสองคนนั้นยังใช้พลังเวทโจมตีข้า...”
เมื่อฮารุกะได้ยินคำว่าข้าเธอก็มีสีหน้าไม่พอใจทันที พออะคาเห็นอย่างนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดเพื่อให้ภรรยาของเขาพอใจ
“เอ้ย ก็ตอนนั้นเด็กทั้งสองยังใช้เวทโจมตีผมอยู่เลย แต่พอเด็กทั้งสองได้มาอยู่ที่บ้านเราผมก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะใช้พลังเวทเลยสักครั้ง”
“อือ ถ้าอย่างนั้นรอให้เด็กทั้งสองโตขึ้นก่อนแล้วค่อยสอนก็ได้นี่คะ”
“ก็จริง”
“ถ้าอย่างงั้น ไปทำกับข้าวเป็นเพื่อนฉันดีกว่าค่ะ” พอเธอพูดจบเธอก็เดินตรงไปยังห้องครัวในทันที
อะคาเดินตามพร้อมทั้งคิดในใจ ‘หรือว่าเราคิดมากไปเองกันนะ’ โดยที่พวกเขาหารู้ไม่ว่าเรื่องที่พวกเขาได้สั่งอาโออิไว้ กำลังจะถูกพวกเธอฝ่าฝืนในไม่ช้านี้
ตอนนี้เด็กชายตัวน้อยกำลังมองพ่อและแม่ของเขา ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกันก็ตาม เพราะเขากำลังรอเวลาที่พวกเขาทั้งสองคนจะละสายตาไปจากพวกเขา
ผ่านไปไม่นาน เมื่อคุโระได้เห็นพ่อและแม่ของพวกเธอได้ไปทำอาหารแล้วเด็กน้อยก็ได้ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกบ้านในทันทีโดยที่ทิ้งอาโออิกับชิโระไว้เบื้องหลัง
เมื่อคุโระได้เดินออกมา เขาก็มองไปยังรอบ ๆ อย่างสนใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ออกมาจากบ้านเพียงลำพัง เขารู้สึกตื่นเต้นพร้อมทั้งกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตรงหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้ขนาดใหญ่เมื่อเขาเห็นอย่างนั้น ทำให้เด็กน้อยรีบวิ่งอย่างรวจเร็วไปยังต้นไม้ตรงหน้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทันที
ต้นไม้ที่คุโระได้เห็นมีขนาดสี่คนโอบ มีผลไม้ดูรูปร่างหน้ากิน ทำให้เด็กน้อยต้องการหยิบมากิน เขามองอยู่สักพักทำให้คุโระคิดว่าเขาจะต้องหยิบมันมากินให้ได้ทำให้เด็กน้อยเริ่มปีนต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าทุกครั้งที่เขาเริ่มปีนมันนั้นเอง เขาก็เริ่มใช้พลังเวทโดยไม่รู้ตัว
‘สุดยอดเลย เป็นครั้งแรกเลยที่เราจะได้ปีนต้นไม้’
ผ่านไปเด็กน้อยก็มาถึงยังจุดที่สูงที่สุดของต้นไม้ คุโระมองไปยังรอบ ๆ ตอนนี้สายตาของเด็กน้อยได้เห็นถึงบริเวณรอบ ๆ บ้านของเขา เด็กน้อยสูดหายใจพร้อมทั้งตะโกนขึ้น
“เย้ ในที่สุดก็ถึงยอดของต้นไม้”
สิ้นเสียงเขาก็เห็นว่ามีบางสิ่งพุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวจเร็ว พอเด็กชายเพ่งตามองก็พบว่าคนที่กำลังพุ่งมานั้นคือพ่อของเขานั่นเอง
เมื่ออะคาเห็นลูกตัวแสบของเขาทำให้เขาตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว
“นี่คุโระ พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ในบ้าน”
“ทำไมถึงไม่เชื่อฟังแม่” เสียงอีกเสียงดังมาติด ๆ กัน
“นี่ทำไมถึงหนีพี่มาแบบนี้”
สิ้นเสียง ทำให้คุโระพบว่าทั้งอะคา ฮารุกะ อาโออิกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวจเร็ว โดยที่มีชิโระขี่หลังของฮารุกะมาด้วย แต่ทว่าเด็กน้อยก็ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เด็กน้อยกวาดตาไปเห็นผลไม้ที่อยู่ด้านล่าง เขาจึงก้าวเท้าไปเพื่อจะหยิบผลไม้ในทันที ทันใดนั้นเองเด็กน้อยก็รู้สึกว่าขาของเขานั้นไม่ได้เหยียบโดนต้นไม้ แต่กลับเหยียบโดนอากาศที่ว่างปล่าว
เด็กน้อยนำมือของตนไปจับกิ่งไม้ที่อยู่ข้างตัวในทันที แต่ก็เหมือนว่าฟ้าจะไม่เป็นใจ กิ่งไม้ที่เขาจับนั้นดันหักอย่างรวจเร็ว
“ระวัง อันตราย!” ชิโระตะโกนขึ้น
คุโระได้ร่วงหล่นลงจากต้นไม้อย่างรวจเร็ว หากเป็นอย่างนี้ขาของเด็กน้อยต้องหักอย่างแน่นอน
เมื่อฮารุกะและอาโออิได้เห็นอย่างนั้นพวกเธอก็ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
อะคาได้รีบพุ่งตัวไปยังที่คุโระอยู่อย่างรวจเร็ว แต่ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวไปถึงเขาก็ต้องหยุดด้วยความตกใจเพราะเขาได้พบว่าตอนนี้คุโระกำลังใช้เวทมนตร์อยู่นั่นเอง
‘ฮะ อะไรนะ’ ก่อนที่ขาของเด็กน้อยจะหักจู่ ๆ ก็ได้มีบางสิ่งทำให้ความเร็วในการตกนั้นลดลง ทำให้ขาของเด็กน้อยไม่ได้รับความเสียหายอะไรทั้งสิ้น
พอเท้าของคุโระได้สัมผัสพื้นดิน เขาก็หัวเราะอย่างสนุกสนานเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ห้าๆๆๆ เดี๋ยวผมไปหยิบผลไม้ให้ใหม่ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้อง มานี่เลยนะเจ้าตัวแสบ” เสียงของฮารุกะดังขึ้นข้างคุโระ
เมื่อเด็กน้อยได้ยินเสียงแม่ของเขา ทำให้เขาหยุดอยู่กับที่ด้วยความกลัว
“แม่ก็บอกแล้วนี่ว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกคนเดียว”
“ก็แม่บอกพี่อาโออินี่ไม่ได้บอกผมสักหน่อย”
“เอาน่า ยังไงคุโระก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” อะคาพูดพร้อมทั้งเดินมาใกล้ลูกชายของเขา
เมื่อฮารุกะได้ยินอย่างนั้นเธอจึงหันไปโวยกับอะคาในทันที
“ได้ที่ไหนกันล่ะ ก็เป็นเพราะคุณตามใจลูกอย่างนี้ไงล่ะ เด็กๆเลยไม่เชื่อฟังฉัน”
พอเธอพูดจบเธอจึงหันมาหาคุโระพร้อมทั้งหยิบกลิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมา
“นี่แม่จะทำอะไร” เด็กน้อยมองไม้ที่อยู่บนมือของฮารุกะอย่างงง ๆ
“แม่จะตีลูก เพราะลูกผิดคำสัญญาที่ให้กับแม่”
“ได้ไง” เมื่อคุโระพูดจบเขาก็รีบวิ่ง แต่เขาก็ไม่สามารถขยับได้พอเขามองไปเด็กน้อยก็พบว่าตอนนี้เขาได้อยู่กลางวงเวทบางอย่าง
“นี่มันอะไร!”
“เวทพันธนาการไงล่ะ เป็นเวทที่แม่ใช้เพื่อไม่ให้คุโระหนีจะได้ตีได้ถนัด เมื่อก่อนพี่ก็เคยโดน”
“พี่อาโออิ ช่วยด้วย” เด็กน้อยหันไปมองพี่สาวของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ
“พี่ช่วยไม่ได้หรอก พี่ก็แก้เวทนี้ไม่ได้เหมือนกัน”
“ไม่จริง !”
“อยู่เฉยๆ แม่จะตีลูกแค่สามที”
“นี่ฝากชิโระหน่อย” ฮารุกะอุ้มชิโระไปไว้ที่หลังของอะคาและมองไปยังลูกชายของเธออีกครั้ง
สิ้นเสียง ฮารุกะก็ค่อย ๆ ก้าวเท้ามาที่คุโระยืนอยู่ เธอมองยังลูกของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากทำหากแต่ด้วยความเป็นห่วงลูกเธอก็ต้องตัดสินใจทำ ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะต้องเจ็บไปบ้างก็ตาม
เมื่อฮารุกะคิดเสร็จเธอก็ได้ใช้ไม้เรียวฝ้าดไปยังขาของคุโระ แต่ก่อนที่ไม้เรียวจะโดนขาของเด็กน้อยเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งมาขวางไม้เรียวของเธอไว้
‘นี่มันอะไรกัน’ ฮารุกะคิดด้วยความงง แต่พอเธอได้เห็นนิ้วของอะคาที่ได้ชี้ไปยังลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ไม่ไกล เธอก็ทำหน้าแปลกใจ
“นี่มัน เวทของชิโระหรอ”
“ใช่ ผมว่าเปลี่ยนวิธีการทำโทษดีกว่า”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำโทษแบบไหน”
“เอาไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยคิดก็ได้”
“เอางั้นก็ได้”
สิ้นเสียงฮารุกะก็วางไม้ลงในทันทีพร้อมทั้งพูดกับคุโระ
“เอาไว้กลับบ้านก่อน เดี๋ยวแม่ค่อยไปทำโทษก็แล้วกัน” พอเธอเอ่ยจบฮารุกะก็ชวนพวกอะคากลับบ้านในทันที เมื่อเด็กน้อยได้ยินอย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจพร้อมทั้งเดินตามแม่ของเขาไปในทันที
พอพวกเขากลับมาถึงบ้าน อะคาก็ให้อาโออิพาน้อง ๆ ไปอาบน้ำในระหว่างนั้นเขาก็ได้ไปปรึกษากับภรรยาของเขา
“นี่เวทที่คุโระกับชิโระใช้มันเวทอะไร” ฮารุกะถามขึ้น
“ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่คิดว่าการใช้เวทของคุโระกับชิโระมันจะใช้โดยที่เด็กทั้งสองไม่ได้ตั้งใจ”
อะคาพูดพร้อมทั้งคิดถึงเหตุการณ์ที่เด็กทั้งสองโจมตีเขาในวันแรกที่เขาได้เจอกัน
“ถ้าอย่างงั้น เราจะทำยังไงกันดี”
“รอให้ถึงเวลา พวกเราจะฝึกให้เด็กทั้งสองกัน ระหว่างนี้คุณก็ฝึกให้อาโออิไปก่อนก็ได้”
สิ้นเสียงของอะคา ฮารุกะก็พยักหน้าและเดินไปจัดโต๊ะอาหารให้ลูกทั้งสามของเธอในทันที
ที่โต๊ะรับประทานอาหาร พวกอาโออิได้มารับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยที่แต่ละคนนั้นต่างรับประทานอาหารอย่างมีความสุข แต่กลับมีเด็กคนหนึ่งนั้นมีสีหน้าราวกับว่าเจอเรื่องราวที่เขาไม่อยากจะพบเจอที่สุดในชีวิต สายตาของเด็กน้อยได้มองไปยังกับข้าวตรงหน้าด้วยความไม่พอใจเพราะว่าตรงหน้าของเด็กน้อยนั้นมีแต่ผักเต็มไปหมด
“นี่แม่ ทำไมถึงทำอาหารที่มีแต่ผักให้ผมกิน” คุโระถามอย่างไม่ค่อยพอใจพร้อมทั้งใช้ช้อนเขี่ยผักที่อยู่ในจานของเขาออกให้ได้มากที่สุด
เมื่อฮารุกะได้ยินอย่างนั้นเธอก็ได้พูดขึ้น
“แม่คิดออกแล้วว่าแม่จะทำยังไงกับลูกดี”
“อะไรหรอฮารุกะ” อะคาถามขึ้น
“ก็ทำอาหารที่มีแต่ผักให้คุโระกินทุกวันเลยไงเป็นการทำโทษ”
เมื่อคุโระได้ยิน เด็กน้อยก็ร้องด้วยความตกใจ “ไม่นะ แม่ตีผมเหมือนเดิมก็ได้”
“ไม่เอาหรอก ถ้าแม่ตีหนูหนูก็เจ็บแค่แป๊บเดียวนะสิ”
“ไม่!”
เจ็ดวันหลังจากนั้น คุโระก็ได้กินอาหารที่มีแต่ผักจนเด็กน้อยไม่กล้าขัดคำสั่งของฮารุกะอีกเลย
ย้อนกลับมาทางฝั่งของวิน
หลังจากเด็กหนุ่มปิดประตูลง สายตาของเด็กหนุ่มก็พบว่า ตอนนี้ตรงหน้าของเขาเต็มไปด้วยทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ทว่าหญ้าที่ควรจะเป็นสีเขียวนั้นมันกับกลายเป็นสีแดงฉานเหมือนกับเลือด
“นี่มันหญ้าอะไรกันวะ” เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ
วินค่อย ๆ เดินไปเหยียบหญ้าตรงหน้า แต่พอเท้าของเขาได้สัมผัส เขาก็ต้องร้องด้วยความตกใจ
“โอ้ย หญ้าอะไรมันคมได้ขนาดนี้” วินดึงเท้าของตนเองออกมาอย่างรวจเร็ว พอเด็กหนุ่มได้มองก็พบว่า ตอนนี้ตรงเท้าเขาได้เหยียบลงไปนั้นกำลังมีเลือดเริ่มไหลออกมาอย่างช้า ๆ
‘ไอ้หญ้าเวณเอ้ย แบบนี้มันต้องเผา’
เด็กหนุ่มได้เรียกปราณไฟขึ้นมาบนฝ่ามืออย่างรวจเร็วพร้อมทั้งใช้ไฟเผาหญ้าตรงหน้าทันที แต่เรื่องที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องอ้าปากค้างเนื่องจากหญ้าตรงหน้าของเขาได้ขยับหนีปราณไฟอย่างรวจเร็ว
“เฮ้ย! มันบ้าอะไรกันวะหนะ”
ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังงงกับสถานการณ์ตรงหน้า หญ้าสีแดงก็ค่อย ๆ รวมตัวกันอย่างช้า ๆ ผ่านไปสักพักหญ้าตรงหน้าก็มีรูปร่างค้ายกับหุ่นไล่กาสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ ซม. พอวินได้เห็นอย่างนั้นเขาก็เรียกปราณไฟมาอีกรอบ พร้อมทั้งพุ่งโจมตีหุ่นไล่กาตรงหน้าเขาทันที
วินผนึกพลังปราณไว้ที่เท้าและดีดตัวไปอย่างรวจเร็วเพียงเสี้ยววิเขาก็ไปโผล่ตรงหน้าของหุ่นไล่กาในทันที เด็กชายได้ใช้หมัดที่เต็มไปด้วยพลังต่อยเข้าไปในลำตัวของหุ่นอย่างรวจเร็ว พอหุ่นไล่กาโดนพลังโจมตีของเขามันก็ค่อย ๆ ถูกเผาไปอย่างช้า ๆ
“ง่ายจริงๆ” วินพูดพร้อมทั้งหยุดใช้พลัง ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอันน่ารังเกียจ
“เก่งมากเจ้ามนุษย์ ที่แกสามารถทำลายเวทหญ้าโลหิตของข้าได้”
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเสียงตรงหน้าเขาก็ได้มองไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายคนนั้นค่อย ๆ ก้าวเท้ามาตรงวินอย่างช้า ๆ ทุกครั้งที่ชายตรงหน้าก้าวเท้าตรงมาเขาก็ได้ปล่อยพลังเวทอันมหาสารเพื่อมากดดันวินไปด้วย แต่ถึงกระนั้นวินก็หาเกรงกลัวไม่
“แกเป็นใคร” วินถามชายตรงหน้า
“ข้าคือคนดูแลดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างไรเล่า”
“งั้นก็หมายความว่าแกมีสิ่งที่ชิโนซากิให้ข้ามาเอาอย่างงั้นหรือ”
“ชิโนซากิ ข้าไม่รู้จักชื่อนั้นหรอก แต่หากเป็นอาวุธที่เจ้าต้องการ มันก็คงอยู่กับข้านั่นแหละ”
เมื่อวินได้ยินอย่างนั้นเขาก็ได้เรียกปราณไฟให้มาอยู่ที่มือทั้งสองพร้อมทั้งพูดขึ้น
“งั้นก็ดี ข้าจะได้ฆ่าแก แล้วกลับไปยังช่วงเวลาเดิมของข้าสักที”
สิ้นเสียงเขาก็กระโดดพร้อมทั้งโจมตีใส่ชายตรงหน้าอย่างรวจเร็ว
โทษที่ลงช้านะครับ พอดีติดanime มากไปหน่อย 555
พอดีผมอยากได้ comment ของคนอ่านบ้างหากทุกคนคิดเห็นอย่างไรกับนิยายเรื่องนี้ก็ comment เข้ามาได้เลยนะครับ
ขอบคุณครับ
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น