คุณอยู่ที่

บทที่ 9 เด็กทั้งสอง ความหวัง และเดินทางกลับไปยังปัจจุบันตอนที่ 5

เขียนโดย nuttapol เมื่อ อาทิตย์, 11/27/2022 - 07:36
Share

หมวดเนื้อหา:

รัซค่อย ๆ ก้าวเท้าอย่างใจเย็นพร้อมทั้งมองร่างกายที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เขามองเด็กหนุ่มอีกครั้งด้วยความสมเภทเวทนา ตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผโลหิตของเขาไหลนองเต็มพื้นถึงแม้ว่าบางสวนจะโดนหญ้าโลหิตของเขาดูดไปบ้างแล้วก็ตาม แผ่นหลังของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยกระสุนจากมอนสเตอร์ที่เข้าได้อันเชินมาโจมตีเด็กหนุ่ม หากรัซคิดไม่ผิดเด็กตรงหน้าก็คงมีชีวิตได้ไม่เกินห้าถึงสิบนาทีเป็นแน่ รัซเดินเข้าไปไว้แต่ก่อนที่เขาจะปิดชีพของเด็กตรงหน้าเขาก็ตัดสินใจยืนไว้อาลัยให้กับเด็กน้อยที่หน้าสงสาร รัซปัดดาบไว้กับพื้นพร้อมทั้งยืนสงบนิ่งพอเขาหลับตาลง
โดยที่เขาหารู้ไม่ว่าความประมาทเพียงนิดเดียวจะเป็นจุดจบของชีวิตของตัวเขาเอง

หลังจากเด็กหนุ่มโดนมอนสเตอร์โจมตีมิ้เขาจะเจ็บเจียนตายเขาก็พยายามรักษาสติของตนเองไว้เพื่อรอให้รัซเข้ามาใกล้เพื่อจะได้เอาคืน ผ่านไปไม่นานสิ่งที่เขาเฝ้ารอก็เป็นความจริงเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของรัซค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ในไม่ช้า วินทำตัวของเขาให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอรัซเข้ามาในการจู่โจม วินดีดตัวขึ้นอย่างรวจเร็วพร้อมทั้งผนึกพลังปราณทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือซ้ายและใช้ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังฝ้าดเข้าไปที่ต้นคอของรัซอย่างรวจเร็วหลังจากนั้นเขาก็ใช้มือขวาปาเมล็ดที่เขาได้รับจากมอนสเตอร์นก เมล็ดได้พุ่งอย่างรวจเร็วไปที่ดวงตาทั้งสองของรัซทำให้ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด

“อ๊าก” แต่วินก็ยังไม่หยุดเขาได้เอื้อมมือไปหยิบดาบของรัซที่อยู่ข้าง ๆ พอมือของวืนได้จับดาบเขาก็ใช้ดาบอันแหลมคมแทงเข้าไปที่หน้าอกด้านซ้ายของรัซอย่างรวจเร็ว พอวินได้เห็นว่าใบดาบนั้นได้แทงทะลุร่างกายของชายตรงหน้าเ วินก็ดึงดาบออกมาในทันที โลหิตของคนทั้งสองนั้นปะปนกันจนไม่สามารถแยกออกได้ เมื่อวินได้เห็นอย่างนั้นเขาก็เช็ดเลือดออกจากหน้าของตนพอเช็ดเลือดเสร็จเขาก็จ้องมองไปยังร่างที่อยู่ตรงหน้า

รัซค่อย ๆ ล้มลงอย่างช้า ๆ

กับเลือดที่ไหลออกจากร่าง เมื่อวินได้เห็นอย่างนั้นเขาก็เริ่มสำรวจร่างของเขาแต่วินก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้บาดแผของเขาค่อย ๆ สมานตัวอย่างช้า ๆ ถึงแม้เด็กหนุ่มจะแปลกใจกับเรื่องตรงหน้า ทว่าเด็กหนุ่มมองไปยังศัตรูที่แข็งแก่งที่สุดที่เขาได้เจอมาด้วยความระวัง ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจถึงการสังหารของเขาก็ตามแต่เพื่อความไม่ประมาททำให้เขาตัดสินใจเดินไปสำรวจร่างที่นอนใกล้ตายตรงหน้าทันที

วินมองพร้อมพูดขึ้น “โดนขนาดนี้ไม่น่าจะรอด”

“แก แสบนักนะ” รัซพูดด้วยความแค้นใจหากเขาไม่ได้ประมาทและรีบฆ่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไปสักเขาก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้

“นี่ยังไม่ตายอีกอย่างงั้นหรอ” วินพูดพร้อมทั้งหยิบดาบของรัซมาอีกครั้ง

พอรัซเห็นอย่างนั้นเขาก็หัวเราะวินอีกครั้ง

“ห้า ๆๆๆ ไม่ต้องรีบฆ่าข้าก็ได้เจ้ามนุษย์ อย่างไงข้าก็ต้องตายในอีกไม่ช้านี้แน่นอน แต่ก่อนที่ข้าจะตายแกก็คงต้องตายก่อน”

สิ้นเสียงรัซก็ได้ใช้เวททั้งหมดอันเชินหญ้าโลหิตและมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเป็นนกขนาดใหญ่ออกมา

“ชิ โดนไปขนาดนี้ก็ยังไม่ตายอีกนะ อึดนักนะ”

วินมองไปยังศัตรูของเขาอีกครั้ง

‘นกอะไรวะตัวใหญ่ชิบหาย แต่หญ้าสีแดงน่าจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา’

เด็กหนุ่มได้ตั้งท่าดาบเพื่อต่อสู้ทันที

‘ถ้ารอให้ไอ้พวกมอนสเตอร์พวกนี้โจมตีก่อนเราเสียเปรียบแน่ ถ้างั้นก็โจมตีมันก่อนก็แล้วกัน’ สิ้นความคิดเขาก็ดีดตัวขึ้นไปบนอากาศในทันที

‘นี่มันอะไรกัน ทำไมพลังเวทของเจ้าเด็กนี่ถึงเพิ่มขึ้นขนาดนี้’ รัซคิดพร้อมทั้งมองด้วยความตกใจ

สิ้นเสียงเขาก็มองมายังเด็กหนุ่มตรงหน้า พอเขาได้เห็นร่างกายของเด็กหนุ่มค่อย ๆ ฟื้นฟูอย่างช้า ๆ ทำให้เขามีสายตาประหลาดใจแต่ผ่านไปไม่นานเขาก็คิดได้ว่าพลังนี้เขาเคยพบมาก่อนมันคือพลังของเผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ ถึงอย่างนั้นเขาก็แปลกใจเพราะดูอย่างไงเด็กตรงหน้าก็ไม่ได้เป็นเผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์สักหน่อย

เมื่อนกยักษ์ได้เห็นว่ามีศัตรูเข้ามาใกล้มันก็เริ่มจะยิ้งกระสุนใส่วินอีกครั้งแต่ แต่ก่อนที่มันจะได้ทำวินก็ใช้ดาบฟันไปยังพวกมันเสียก่อน เมื่อนกที่อยู่ใกล้ตัวของวินได้โดนดาบมันก็ร่วงลงพื้นในทันที พอตัวข้าง ๆ ได้เห็นว่าเพื่อนของมันถูกเด็กตรงหน้าสังหารมันก็พุ่งเข้ามาเตียมจะจิกวิน แต่ก่อนที่มันจะมาถึงวินได้ใช้มืออีกข้างที่เต็มไปด้วยพลังปราณอันใส่เต็ม ๆ ทำให้มันร่วงไปนอนข้างๆ กับเพื่อนของมัน

‘นี่มันอะไรกัน เด็กนี้มีพลังขนาดนี้’ รัซมองไปยังมอนสเตอร์ที่เขาอันเชินมา

วินเริ่มที่จะร่วงลงที่พื้นอีกครั้งดจากผลของแรงน้มถ่วงของโลก แต่จู่ๆเขาก็มองเห็นวิธีใช้พลังเวทขึ้นมา พอเขารู้วิธีใช้เขาก็สามารถใช้มันได้ในทันที วินผนึกเวทมนตร์ไปที่เท้าและก่อนที่เขาจะสำผัสกับพื้นเขาก็รอยขึ้นอีกครั้ง

‘นี่มัน หรือว่าจะเป็นพลังที่เราได้มาจากคาลอส’ วินคิดพร้อมผนึกปราณเข้าไปยังอาวุธและฟันนกตรงหน้าทันที

ดาบที่เต็มไปด้วยปราณเพิงได้ตัดร่างของนกตรงหน้าอย่างง่ายดาย ยังไม่พอขื้นดาบก็ยังตามไปฟันนกที่อยู่แถวนั้นจนร่างของพวกมันไม่จนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า

รัซได้เห็นถึงพลังอันหน้ากลัวของวินทำให้เขาเริ่มพยายามเรียกพวกหญ้าโลหิตให้มาหาตนเอง พอพวกมันได้มาเขาก็ได้ให้พวกมันผสารร่างกับเขาเพื่อให้เขาสามารถขยับร่างได้อีกครั้ง

เมื่อนนกยักษ์ได้ถูกวินสังหารจนหมด เด็กหนุ่มก็ได้หันมามองยังรัซอีกครั้งแต่เขาก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้หญ้าโลหิตบางตัวเริ่มเข้าไปรวมร่างกับรัซทำให้บาดแผของเขาเริ่มสมานกันอีกครั้ง

“บ้าเอ้ย ขืนเป็นแบบนี้เราแย่แน่” วินตะโกนและผนึกพลังปราณเพิงทั้งหมดเข้าไปในดาบและฟาดไปที่รัซทันที ไฟขนาดใหญ่ได้พุ่งไปเผาหญ้าโลหิตจนหมดแต่มันก็สายไปเพราะรัซได้ขยับตัวหลบได้

รัซเงยหน้ามองวินด้วยสายตาที่แสดงถึงความอาคาด “ห้าๆๆๆ แกคงไม่คิดสินะว่าข้าจะสามารถขยับได้อีกครั้ง”

พอวินได้ใช้พลังจนหมดเขาก็ลงมายืนที่พื้นในทันที พร้อมกับเส้นผมที่กายเป็นสีทองและดวงตาสีฟ้าก่อนที่เข้าจะได้พลัง

“ในที่สุดพลังของแกก็หมด” รัซชี้มายังเส้นผมของวิน

เมื่อวินได้ยินอย่างนั้นเขาก็รวบรวมพลังอีกครั้งแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้

“ถ้าอย่างงั้น” รัซพูดพร้อมทั้งเรียกดาบของเขากับไปโดยที่วินไม่สามารถขัดขืนได้

ดาบค่อย ๆ ลอยกับไปที่มือของรัซ พอดาบได้เข้ามาอยู่ที่มือของรัซเขาก็หายตัวมาอยู่ตรงหน้าของวินพร้อมฟันดาบมายังที่คอของวินอย่างรวจเร็ว

“ถ้าคอขาดก็คงแก้งตายไม่ได้แล้วสินะ ลาก่อนนะเจ้าหนูแกนี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าไม่ได้เจอมานาน”

วินมองด้วยความตกใจพร้อมคิดถึงช่วงเวลาต่างที่ได้เล่นกับพวกลินและอาโออิ

‘ไม่จริง เราต้องมาจบลงตรงนี้จริงหรอ เรายัง เรายังไม่อยากตายตอนนี้’ สิ้นความคิดของวิน

เขาก็สัมผัสถึงความร้อนที่อยู่ในร่าง วินใช้มือของเขาจับดาบที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวจเร็ว

พอรัซได้เห็นดวงตาของเขาก็เบิกโพลงด้วยความตกใจ “นี่มัน พลังที่หน้ากลัวแบบนี้”

รัซมองไปก็พบว่าเส้นผมของเด็กตรงหน้าที่เคยเป็นสีทองก็กลับกลายเป็นสีดำเดวงตาที่เป็นสีฟ้าก็กลับกลายเป็นสีดำ

“ทำไม ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีพลังของเจ้าพวกนั้น” รัซคิดยังไม่ทันจบดาบของเขาก็โดนจับจนแตกเป็นเซียง ๆ

พอรัซได้มองไปก็พบว่าตอนนี้หวินกำลังชกหมัดเข้ามาที่กลางลำตัวของเขาทันรัซดีดตัวออกห่างวินอย่างรวจเร็ว

‘ขืนโดนหมัดที่อาบไปด้วยพลังแห่งความมืดแบบนั้นเราตายแน่ ถ้าร่างกายของเราไม่บาดเจ็บเราก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้”

เพียงพริบตา เด็กหนุ่มโผล่ตรงหน้าของรัซพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเหนือกว่า

“นี่แก ทำไมไม่หลบล่ะ ถนัดไม่ใช่หรอ” สินเสียงเขาก็ได้ใช้ปราณไฟอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไฟที่ควรที่จะเป็นสีแดงกลับกลายเป็นสีดำ ในพริบตาวินก็ชกปราณเข้ากลางลำตัวของรัซเต็ม ๆ ทำให้รัซกระเด็นไปติดกำแพงดันเจี้ยนในทันที

“นี่เจ้ามนุษย์ ทำไมเจ้าถึงมีพลังนี้” รัซถามวินด้วยความยากลำบาก

เมื่อวินได้ยินอย่างนั้นเขาก็มองอย่างงง ๆ

“หมายถึงพลังปราณเวทอย่างงั้นหรอ”

เมื่อรัซได้ยินเข้าก็ส่ายหน้าปฏิเสทในทันที

‘อย่างนี้นี่เอง เจ้าเด็กนี่ยังไม่รู้สินะ ช่างเถอะ อย่างไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราอีกแล้ว’

รัซคิดอย่างเส้าและมองไปยังร่างกายที่กำลังโดนไฟสีดำเผาอย่างช้า ๆ เขามองไปยังวินอีกครั้ง แล้วก็พบว่าร่างกายของเด็กหนุ่มได้กลับกลายเป็นแหมือนเดิมอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าที่ใบหน้าอันเต็มไปด้วยความใจดีนั้นช่างแตกต่างกับคนที่เขาเคยประมือด้วย

‘เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง เด็กคนนี้ถึงได้พลังจากเจ้าพวกนั้น’

รัซมองยังเด็กหนุ่มและถามคำถามสุดท้าย

“นี่เจ้าหนู หากวันหนึ่งเจ้าสามารถเลือกปกป้องได้เพียงหนึ่งสิ่งนั่นก็คือโลกอันแสนโสมมใบนี้กับครอบครัวของเจ้าเ เจ้าจะเลือกสิ่งใด”

วินมองไปยังชายตรงหน้าพร้อมกับคิดถึงอดีตที่เคยผ่านมาวันนั้นเขาก็เคยถูกอาลิสถามแบบนี้ คำถามนั้นเหมือนที่ชายตรงหน้าถามไม่มีผิด

ณ ห้องของวิน ได้มีสาวคนหนึ่งกำลังมองไปที่นอกหน้าต่างเพื่อดูดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลารับขอบฟ้า

ผ่านไปเธอก็หันมามองยังแฟนหนุ่มของเธอ พร้อมกับพูดขึ้น “นี่วิน ถ้าวันหนึ่งนายต้องเลือกระหว่างฉันกับโลกใบนี้นายจะเลือกอะไร”

“ฉันก็ต้องเลือกเธอน่ะสิ ก็เธอเป็นครอบครัวของฉันนี่นา”

เมื่ออาลิสได้ยินเช่นนั้นเธอก็มีสีหน้าที่จริงจังพร้อมพูดขึ้น “ฉันน่ะ ฉันอยากให้นายเลือกโลกใบนี้มากกว่า”

สิ้นเสียงวินก็เลิกคิ้วด้วยความสงใส “ทำไมหรอ”

“ก็ถ้ายังมีโลกนี้อยู่” อาลิสมองไปยังหน้าต่าง ที่กำลังมีเด็ก ๆ มากมายที่วิ่งเล่นอย่างมีความสุขโดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในโลกอันกว้างใหญ่กำลังเริ่มที่จะทำสงครามกันอีกครั้ง

“สำหรับฉัน ถ้ายังมีโลกนี้ ถ้ายังมีนาย แล้วก็ยังมีเด็ก ๆที่ไร้เดียงสา ” อาลิสทอดสายตาไปยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“แล้วถ้าวันหนึ่งฉันต้องตายไป ฉันก็หวังว่าฉันจะได้มองเห็นนายจากท้องฟ้าไง”

เมื่อวินได้ยินอย่างนั้นเขาก็เดินเข้ามาและพูดกับแฟนของเขา

“นี่เธอพูดอะไร ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอกหน้า”

พออาลิสเห็นวินเดินเข้ามาไกล้เธอก็พูดขึ้น “

ถ้าภารกิจนี้เสร็จ พวกเราออกจากองค์กรนี้แล้วไปแต่งงานกันเถอะ”

“ได้สิ ฉันก็คิดเหมือนกัน”

อาลิสหันมามองวินด้วยความดีใจ

“อื้อ ฉันก็คิดอย่างงั้น แต่หากฉันตายฉันก็ขอฝากนายปกป้องรอยยิ้มของพวกเด็ก ๆ ด้วยนะ”

“บ้าหรือปล่าว ฉันไม่มีทางให้เธอตายแน่อยู่แล้ว ๆ ”

เมืออาลิสหันไปเจอสายตาจริงจังของวินเธอก็หัวเราะและรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“ห้าๆๆๆ ก็จริงด้วยนะ ฉันคงคิดมากไปเอง”

“ใช่น่ะสิ ว่าแต่เราจะกินอะไรกันดีล่ะ” วินเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมทั้งเตียมตัวเดินไปหน้าห้องทันที

อาลิสคิดพร้อมทั้งมองไปยังพวกเด็ก ๆ “นี่เราไปหาอะไรกินที่ล้านอาหารข้างล่างกันเถอะ”

“ได้สิเธอจะได้ไปเล่นกับพวกเด็กที่อยู่ข้างล่างด้วย” วินพูดพร้อมทั้งเดินออกไปแต่อาลิสก็พูดขัดไว้ก่อน

“ว่าแต่” อาลิสมองไปยังยาที่วินเพิ่งจะกินไป

“หาอะไร” วินหันมามองอีกครั้ง

“ปล่าวไม่มีอะไร” สิ้นเสียงของอาลิส เธอก็เดินตามวินออกไปในทันที

“ว่าไง” รียกวินอีกครั้งทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์

วินมองชายตรงหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ผมไม่มีทางที่จะเลือกแค่อย่างเดียว สำหรับผมถ้าไม่มีครอบครัวโลกอันแสนไร้ข้าใบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร”

รัซมองยังเด็กหนุ่มด้วยความสงใส “งั้นก็แสดงว่าเจ้าเลือกครอบครัวไม่ใช่หรือไง”

วินส่ายหน้าปฏิเสทชายตรงหน้าพร้อมทั้งพูด “แล้วถ้าไม่มีโลกที่สงบสุขครอบครัวของผมจะมีชีวิตที่สงบได้อย่างงั้นหรือ”

“นี่เจ้าหมายความว่าไง”

“ผมเลือกครอบครัว ทำให้ผมต้องทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขให้มากที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นความคิดแบบเด็กก็เถอะ”

รัซมองหน้าวินและหหัวเราะกับความคิดของเขา

“ห้าๆๆๆ เป็นเพราะอย่างงี้นี่เอง เป็นเพราะอย่างงี้ เจ้าถึงมีพลังอันมากมาย หากแต่พลังที่เจ้าได้มานั้นมันจะสามารถปกป้องใครได้จริง ๆ อย่างงั้นหรือ”

“ไม่มีทาง แต่ว่าหากมีทุกคนช่วยกันผมคิดว่ามันเป็นไปได้” วินพูดพร้อมทั้งนึกถึงใบหน้าของทุกคนที่เขาได้พบในโลกใบนี้ ใช่แล้วสิ่งที่เขาไม่เคยมีในโลกเก่า ทว่าเขากับมีในโลกนี้นั้นก็คือเพื่อน ไม่สิคือครอบครัวของเขา

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทำอย่างไร” สำหรับเขาหากได้เจอกับวินชีวิตของเขาคงเปลี่ยนไป ทั้งเพื่อน และครอบครัวคงไม่ต้องตายไปด้วยน้ำมือของมนุษย์ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนที่อยู่ในยุคสมัยนี้ ยุคที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียม การเอาเปรียบระหว่างชนชั้น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

โดยที่เขาหารู้เลยไม่ว่าวิน ก็เคยเจอเหตุการณ์ที่เขาเคยเจอมาเหมือนกัน

พอรัซหลุดจากภวังค์ เขาก็มองที่วินและพูดขึ้น“เจ้าจงมาเอาของ ของเจ้าไปได้แล้ว”

พอเด็กหนุ่มได้เห็นอย่างนั้นเขาจึงเดินเข้าไปหารัซ พอรัซเห็นอย่างนั้นเขาก็น้ำมือล้วงเข้าไปตรงอกเสื้อและหยิบบางสิ่งออกมาให้เด็กหนุ่ม พอวินเดินเข้ามาใกล้รัซเขาก็พูดกับวินด้วยความอ่อนแรง

“เจ้าจงเก็บสี่งนี้ไว้ แล้วถึงเวลามันจะเป็นประโยชน์กับเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน” พอเขาพูดจบเขาก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ

วินมองสิ่งที่รัซให้ สิ่งนั้นเป็นแหวนสีเงินบนหัวแหวนมีอัญมณีสีสันงดงาม เมื่อเด็กหนุ่มเห็นอย่างนั้นเขาก็นำแหวนมาสวนเข้าที่นิ้วชี้ของตนพอทุกอย่างเสร็จวินมองดูร่างของชายตรงหน้า สำหรับเขามันเป็นเรื่องแสนธรรมดา ในการต่อสู้หากเราแพ้เราก็ต้องตาย ดังนั้นมีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เรากลับไปเจอหน้าครอบครัว สหาย นั่นก็คือต้องชนะ

‘เท่านนี้ เราก็คงได้กลับบ้านสักที’ วินคิดพร้อมทั้งมองไปยังด้านบนของดันเจี้ยน ผ่านไปไม่นานรัซก็หมดลมหายใจอย่างสมบูรณ์ เมื่อวินเห็นอย่างนั้นเขาก็นั่งลงเพื่อจะพักเหนื่อยผ่านไปไม่นานเขาก็เผอหลับ เพราะความเหนื่อยล้าทำให้วินไม่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีชายคนหนึ่งได้เดินเข้ามาใกล้ตัวของเขา พอชายสวมหน้ากากได้เดินเข้ามาใกล้เขาก็ได้ใช้วงเวทบางอย่างกับวิน พอแหวนได้เจอกับเวทมันก็ค่อย ๆ ดูดเวทเข้าไปอย่างช้า ๆ ผ่านไปไม่นานชายคนนั้นก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ

“ในที่สุดทุกอย่างก็สำเร็จตามแผนจนได้”

เขามองวินที่กำลังหลับตาอยู่แล้วก็ยิ้มขึ้น “ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับแกแล้ว” พอเขาพูดจบเขาก็ค่อย ๆ หายตัวไปอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นก็ได้มีวงเวทได้ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวของวิน วงเวทนั้นมีรูปร่างเหมือนกับวงเวทที่ส่งเขามายังที่นี่

หลังจากนั้นวินก็ถูกวงเวทส่งกลับไปยังที่เขาได้จากมา