หมวดเนื้อหา:
ตัดมาทางพวกวิน หนึ่งช่วงโมงก่อน
มีคนในตำนานเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งก็จะชนะร้อยครั้ง เด็กหนุ่มมองหากลิ่งไม้ที่อยู่รอบ ๆ พอเขาพบกลิ่งไม้ที่เหมาะมือวินจึงนำกลิ่งไม้มาเตรียมวาดแผนที่หมู่บ้านของหลิน เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมวินจึงได้ให้หลินเล่าเรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับกลุ่มโจรที่มาโจมตีและอาณาเขตรอบ ๆ หมู่บ้านของเธอโดยระเอียด
จากการบอกเล่าของหลิน ทำให้กลุ่มของวินรู้ว่า หมู่บ้าน ของหลินนั้นเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีผู้คนอยู่อาศัยประมาณห้าสิบคนเท่านั้น คนที่อาศัยในหมู่บ้านส่วนใหญ่นั้นเป็น เด็กและคนแก่ อาจจะมีชายหนุ่มบ้างแต่ก็แค่เล็กน้อย ทำให้หมู่บ้านของเธอนั้นไม่มีคนที่สามารถต่อสู้ได้ รอบ ๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ถัดจากหมู่บ้านนั้นมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน ส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านมักจะมาตักน้ำในลำธารสายนี้เพื่อนำไปใช้ทำอาหารหรือใช้รดน้ำต้นไม้
หลังจากที่กลุ่มโจรได้มาโจมตี หัวหน้ากลุ่มโจรก็จะสั่งให้คนมาเฝ้าระวังหน้าหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้คนในออกคนนอกเข้า แทมรอบ ๆ หมู่บ้านก็ยังมีพวกโจรผัดกันเดินตรวจตารอบ ๆ หมู่บ้านทำให้การโจมตีจากภายนอกนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
ระหว่างที่หลินบอกเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เด็กหนุ่ม วินก็วาดแผนที่ทั้งหมดไปด้วย พอหลินพูดจบวินเงยหน้าขึ้นจากพื้น วินใช้สายตาต้องคำถามกับหญิงสาวเพราะเรื่องที่เขาต้องการมากที่สุดนั้นหลินนั้นยังไม่ได้เอ่ยให้เขารู้
“เธอพอจะรู้ไหมว่าจำนวนโจรในหมู่บ้านของเธอนั้นมีประมาณกี่คน”
สิ้นเสียงของวิน หลินก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่รู้เลย ที่ฉันหนีออกมาได้ก็เพราะมีคนช่วยให้หนีออกมา”
วินจับกลิ่งไม้ในมือแกว่งเล่นในขนาดที่ในหัวของเขาก็พยายามใช้ความคิด
“ถ้าจำนวนของศัตรูมีมากกว่าสามสิบคนขึ้นไป พวกเราคงต้องลำบากแน่นอน แต่ว่าถ้ามีต่ำกว่าสามาสิบคนพวกเราก็คงไม่ลำบากเท่าไร’
วินมองภูมิศาสตร์ที่ได้ฟังจากหลิน ถึงแม้เขาจะพอทราบถึงอาณาบริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านแล้วก็ตาม แต่ข้างในหมู่บ้านนี่แหละที่เป็นปัญหาสำหรับเขา ถ้าในหมู่บ้านมีต้นไม้สูงใหญ่หรือการปลูกบ้านของชาวบ้านนั้นมีความสลับซับซ้อนพวกโจรก็จะมีโอกาศซุ่มโจมตีพวกเขาได้ง่าย ๆ หากเป็นตอนที่ลินยังมีเวทบาเรียอยู่ก็ไม่หน้าห่วงเท่าไร ทว่าตอนนี้พลังเวทของเด็กหญิงผมฟ้านั้นก็ยังไม่ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ทำให้วินนั้นไม่อยากให้ลินใช้เวท มนตร์ในตอนนี้
เด็กหนุ่มถอนหายใจ ‘ถ้าเป็นการต่อสู้กับมอนสเตอร์ธรรมดาก็คงไม่ต้องคิดอะไรที่มันยุ่งอย่างงี้หรอก แต่ว่าดันเป็นพวกโจรที่เราไม่รู้ข้อมูลนี่สิ แล้วอีกอย่างหนึ่งถ้าพวกโจรดันเป็นพวกเดียวกับพวกยายอายะละก็ บอกเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันคงไม่ง่ายแน่ ๆ เลย’
หลังจากเด็กหนุ่มคิดสะระตะในหัวอยู่สักพักใหญ่ วินยกมือขึ้นมาขยี้เส้นผมสีทองของตนเอง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของจีน่าทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์
“นี่วินถ้านายไม่รีบคิดฟ้าจะมืดก่อนนะ แล้วถ้าฟ้ามืดการโจมตีก็จะทำได้ยากขึ้นอีก”
เด็กหนุ่มเริ่มมองข้างบนฟ้า ทำให้วินพบว่าตอนนี้แสงอาธิตย์ค่อย ๆ ลดต่ำลง หากเขาคิดไม่ผิดอีกไม่กี่ชั่วโมงดวงตะวันก็จะลับฟ้าแล้ว
อาโออิมองท่าทางของวินอยู่สักระยะ เธอไม่เคยใจเลยว่าทำไมวินต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากด้วย อาโออิมองไปยังจีน่าเพราะเธอคิดว่าจีน่าจะชวนให้วินบุกโจมตีพวกโจรในทันที แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะจีน่าก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรต่อ
“ไม่เห็นต้องคิดให้ยุ่งยากแค่ให้ฉันเดินเข้าไปแล้วร่ายเวทอัญเชิญเทพอัคคีหรือไม่ก็แค่ให้ฉันร่ายเวทไฟถล่มพวกโจรก็สิ้นเรื่อง”
พออาโออิเอ่ยจบลินก็เอ่ยแย้งขึ้น “ไม่ได้หรอกนะ ถ้าเธอทำอย่างงั้นหมู่บ้านก็เสียหายหมดสิ แล้วพวกชาวบ้านก็อาจจะบาดเจ็บด้วยก็ได้นะ”
“พี่ลินพูดถูกแล้วล่ะ อาโออิ เวทของเธอมันเหมาะกับการโจมตีในระยะกว้าง แค่เธอใช้เวทแค่ทีเดียวหมู่บ้านก็มีสิตหายไปเลยนะ”
“นี่จีน่า เห็นแบบนี้ฉันก็ลดพลังทำรายของเวทมนตร์ได้นะ”
“ฉันรู้ แต่ที่ฉันจะบอกก็คือพวกโจรมันไม่ได้รวมตัวอยู่ด้วยกัน ถ้าเราโจมตีโดยใช้เสียงดังพวกที่เหลือก็รู้ตัวหมดสิ”
พอจีน่ากล่าวจบเด็กหนุ่มก็พยักษ์หน้าสำทับ “ที่จีน่าพูดนะถูกแล้วล่ะ การต่อสู้กับมนุษย์มันไม่เหมือนกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับ แล้ง G กับ F ที่พวกเราเคยล่ามานะ เพราะพวกโจร นะมีทั้งสติปัญญากับการวางกลยุทธ์
แทมข้อมมูลที่เราได้มาน่ะมันยังไม่ค่อยเพียงพอกับการตัดสินใจบุกโจมตีอีกตั้งหาก”
วิน พยายามอธิบายให้อาโออิฟังอย่างง่าย ๆ แต่พอเด็กหนุ่มชำเลืองมองเขาก็พบกับสีหน้าท่าทางที่แสดงถึงความสงใสอย่างชัดเจน
“แล้วมันต่าง กับการโจมตีตรง ๆ ยังไงล่ะ”
สิ้นเสียงของอาโออิ เด็กหนุ่มชำเลืองสายตามองจีน่า เมื่อเด็กหญิงผมทองผิวแทนเห็นสายตาของวินเธอจึงเอ่ยต่อ
“ที่วินกำลังคิดอยู่น่ะก็คือวิธีโจมตีที่ให้พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกชาวบ้านปอดภัยพื้นที่รอบ ๆ หมู่บ้านไม่ได้รับความเสียหายไงล่ะ”
เมื่ออาโออิได้ยิน เธอก็มองวินอย่างไม่เชื่อสายตา “โอ้โห !! นี่นายคิดขนาดนั้นเลยหรอ”
วิน พยักษ์หน้ารับ
“ใช่แล้วล่ะ เพราะแบบนี้วินถึงต้องคิดมากกว่าทุกทีไงล่ะ” จีน่าอธิบายต่อ
‘เธอนี่เดาความคิดฉันถูกเกื่อบหมดเลยนะจีน่า แต่ว่าเรื่องที่ฉันคิดจนหัวแทบระเบิดก็คือทำยังไงถึงจะสามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลินแล้วก็ชิโระได้ตั้งหากล่ะ’ วินมองลินที่กำลังชวนเด็กทั้งสองคุยไม่ห่างไปนัก ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้พวกเด็กต้องมาเห็นหรือมาพบกับเหตุการณ์แบบนี้เลยเพราะเด็ก ๆ ควรที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนที่ห่างไกลจากสงครามการต่อสู้การแย่งชิงอำนาจของผู้ใหญ่ที่มีความโลภมากตั้งหาก
วินคิดอยู่ไม่นาน เขาจึงหันไปถามจีน่า “นี่จีน่า เวทเคลื่อนย้ายของเธอนะสามารถทำแบบ…..ได้ไหม”
“ได้สิ ไม่ใช่เรื่องยากแต่ว่าถ้าใช้เวทนี้มันจะต้องเปลืองพลังเวทของฉันมาก ถ้าฉันใช้เวทเสร็จฉันอาจจะใช้เวทไม่ได้สักพัก”
เมื่อวินได้ยินอย่างนั้นเขาจึงมีสีหน้าเป็นกลังวล “อาการจะเหมือนลินไหม”
จีน่าส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่หรอก ไม่เป็นหนักขนาดนั้นหรอก แค่ใช้เวทต่อสู้ไม่ได้สักพัก”
สิ้นเสียงของจีน่าวินก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ฉันคิดออกแล้ว วิธีโจมตีพวกโจรแน่ะ”
ตัดมายังในหมู่บ้าน
กลุ่มชาวบ้านมองท่าทางของชายชราที่กำลังจะขาดใจตายด้วยท่าทางที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถึงแม้พวกเขาจะรวมตัวไปต่อสู้กับพวกโจรป่าที่ยืนอยู่ได้ก็ตาม แต่ว่าพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนรักษาอาการบาดเจ็บของชายชราตรงหน้า ในที่แห่งนี้ไม่มีใครเลยที่จะสามารถใช้เวทมนตร์รักษาบาดแผลได้ หรือต่อให้มีก็คงไม่มีใครจะสามารถใช้วิชาต่อสู้กับโจรได้อยู่ดี
หรือหากมีใครกล้าต่อสู้จริง ๆ พวกชาวบ้านก็ต้องฝ่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนล้อมรอบ พวกเขาไปให้ได้เสียก่อนก่อนที่พวกชาวบ้านจะได้พูดกับกลุ่มชายชกรรจ์
หนึ่งในชายฉกรรจ์ก็ ค่อย ๆ ย่างสามขุมเข้าไปใกล้ร่างที่กำลังรวยรินของชายชรา ชายแก่ผมสีขาวมองชายหนุ่มที่กำลังค่อย ๆ เดินมาทางตนเองอย่างช้า ๆ มันค่อย ๆ นำมีดสั้นสีดำออกมาให้ชายชราเห็น สิ่งที่ชายใจเหี้ยมต้องการเห็นก็คือใบหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวของชายชรา แต่ชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเพราะชายแก่นั้นไม่แสดงถึงความหวาดกลัวแต่ประการใดถึงแม้ว่าตอนนี้ความตายจะคืบคลานมาใกล้ตัวเพียงใดก็ตาม
เมื่อชายหนุ่มเห็นชายแก่ไม่ได้กล่าวอันใด ชายใจเหี้ยมจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ข้าจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้ายนะไอ้แก่ จงบอกพวกข้ามาว่าเด็กที่แกให้ไปขอความช่วยเหลือนอกหมู่บ้านมันเป็นใคร”
สิ้นเสียง ชายแก่ก็ลำพึงลำพันขึ้น“ต่อให้ตายข้าก็ไม่บอกแกหรอก”
เมื่อชายหนุ่มพบว่าชายแก่ตรงหน้านั้นไม่คิดจะบอก มันจึงนำเท้าไปเหยียบที่มือของชายชรา มันมองชายแก่ที่นอนจะตายแหล่มิตายแหล่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม
“แกไม่คิดจะบอกใช่ไหม ถ้าอย่างงั้นแกก็ตายไปสัก หลังจากที่ข้าแกเสร็จข้าก็จะข้าพวกชาวบ้านคนอื่นต่อ”
สิ้นเสียงแสนเหี้ยมเกี้ยมชายหนุ่มใจเหี้ยมก็ค่อย ๆ หยิบมีดออกมาชูให้พวกชาวบ้านเห็น มีดแสนคมสีดำเงางามสท้อนกับแสงสีแดงของดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า หากใบมีดนี้ถูกแทงเข้าไปในร่างกายของชายชราเพียงแค่ครั้งเดียวก็เกงว่าชายแก่คนนี้คงต้องตายอย่างแน่นอน ชายหนุ่มมองชายแก่อีกครั้งแต่สิ่งที่เขาพบกับเป็นใบหน้าที่นิ่งสงบไร้ซึ่งความเกงกลัว
เมื่อชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยความโกรธ “ความตายจะมาถึงอยู่แล้วยังไม่กลัวอีกหรอไอ้แก่ ได้หลังจากข้าฆ่าแก่เสร็จ ข้าจะไปสังหารพวกชาวบ้าน ไม่สิก่อนอื่นข้าคงต้องไปสังหารหลานของแกก่อนสินะ หลังจากนั้นก็คงต้องไปสังหารพวกเด็ก ๆ ที่พวกข้าจับไปที่ละคนก่อน ห้าๆๆๆๆ” ชายหนุ่มใจโฉดหัวเราะอย่างสนุกสนาน
เมื่อชายชราได้ยิน ชายแก่ก็พูดขึ้น “ได้โปรด” แต่ก่อนที่ชายชราจะกล่าวจบชายหนุ่มก็นำเท้าไปเหยียบที่หน้าของชายชราเสียก่อน มันมองร่างของชายชราอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ยินว่ะ แกจะพูดอะไรนะ”
หลังจากนั้นมันก็หันไปถามกลุ่มของมันที่ยืนล้อมชาวบ้านอยู่ “ พวกแกได้ยินไหมวะ”
“อะไรหรอ ข้าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”
“ใช่ ๆ ไม่เห็นมีใครพูดอะไรเลยนี่นา”
“แหมแหมลูกพี่ข้าก็ไม่ได้ยินเหมือนกันน้ามันจะพูดอะไรนะ”
ชายหนุ่มอย่างถูกใจพร้อมกับหันไปพูดกับชาวบ้านที่ถูกเพื่อนของมันล้อมอยู่
“แล้วพวกแกได้ยินอะไรไหมละ ตอบให้ดีนะไม่อย่างงั้นลูกหลานของพวกแกอาจจะตายก่อนไอ้แก่นี่ก็ได้น้า”
มันหันไปมองยังพวกชาวบ้านที่ไม่กล้าแม้แต่จะมาช่วยชายชรา “พวกแกจงดูเอาไว้ ว่าพวกที่กล้าขัดขืนพวกเรามันจะต้องมีจุดจบเช่นไร”
สิ้นคำกล่าว ชายหนุ่มใจเหี้ยมก็นำมีดแทงร่างของชายชราอย่างรวจเร็ว แต่เพียงเสี้ยววิก่อนที่ใบนี่จะโดนตัวชายแก่ ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อมืออย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างรวจเร็วทำให้มันต้องชำเลืองสายตามอง ทำให้มันพบว่าตอนนี้ข้างหลังของมันมีเด็กหญิงผิวสีแทนผมสีทองยืนอยู่ มือของเด็กสาวจับข้อมือของมันไว้แน่นถึงแม้มันจะพยายามขยับข้อมือสักแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับได้ เพียงแค่ไม่นานชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความเจ็บปวด มันรู้ดีว่าหากมันยังปล่อยให้เด็กผมทองจับข้อมือของมันอยู่ข้อมือมันอาจจะหักก็เป็นได้
“นี่แกคิดจะทำอะไรคนแก่ที่ไม่มีทางสู้กันนะฮะ”
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น