หมวดเนื้อหา:
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก โดยที่แต่ละคนก็จะสร้างบ้านไม้ที่ไม่ได้ห่างไกลกันมากนักเพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด ผู้คนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่สนใจโลกพายนอกเพราะพวกเขามีทั้งอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และเครื่องนุ่งห่มอย่างพร้อมสับ
ในตอนช้าวผู้คนส่วนใหญ่ก็จะออกไปหาอาหาร บ้างก็ไปเพาะปลูกพืช บ้างก็ไปทำนา
ซึ่งจะแตกต่างกับหมู่บ้านอื่นที่บ้างก็จะถูกมอนสเตอร์โจมตี บ้างก็จะถูกโจรผู้ร้ายบุก ซึ่งหากถามว่าทำไมหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็เป็นเพราะ พวกเขามีผู้ที่มีพลังเวทอันมหาสารได้ใช้บาเรียปกป้องพวกเขาไว้
ซึ่งผู้ที่ปกป้องพวกเขาได้อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งก่อนที่ชาวบ้านจะได้ออกจากหมู่บ้านชาวบ้านทุกคนนั้นก็ต้องผ่านบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ขนาดใหญ่ที่มีสามชั้น พื้นที่อันกว้างใหญ่ของบ้านทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องมองด้วยความประหลาดใจ เพราะคนที่อาศัยอยู่ที่บ้านไม้หลังนี้มีแค่สามแม่ลูกเท่านั้น
สามคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ได้แก่ ผู้หญิงคนแรกเป็นแม่ชื่อว่าเมเปิ้ลเป็นคนที่กลางอาณาเขตเพื่อปกป้องพวกเขา ส่วนอีกสองคนเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างอันงดงามซึ่งเป็นลูกของเมเปิ้ล
เมื่อแสงอาธิตย์ยังไม่ขึ้น เด็กสาวคนหนึ่งได้ตื่นขึ้นเพื่อมาดูแสงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า สายลมพัดอ่อน ๆ ทำให้เห็นถึงผมสีฟ้าที่ยาวสลวย ดวงตาสีดำ ส่วนสูงประมาณ 148 ซม. ใบหน้ารูปไข่ รูปร่างสมส่วน เธอกำลังดูธรรมชาติยามเช้าด้วยความเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันน้องสาวของเธอก็กำลังฝึกการต่อสู้อยู่ไม่ห่างจากเธอ
แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเธอได้เห็นแสงบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางที่เธอยืนอยู่ ด้วยความตกใจเธอจึงร้องขึ้น
“กรี๊ด!” เธอร้องพร้อมนำมือชี้ไปยังแสงปริศนา
พอสิ้นเสียงของเธอก็มีเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ เด็กสาวผู้มาใหม่มีผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า ส่วนสูงประมาณ 146 ซม. วิ่งอย่างรวดเร็วตรงมาทางเธอ
“พี่ลิน มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ” เด็กสาวถาม
“เธอดูนั่นสิ” ลินชี้นิ้วไปที่แสงสีเหลืองที่กำลังพุ่งตรงมาหาพวกเธอ
แสงสีเหลืองได้ชนกับบาเรียสีฟ้าทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้า เมื่อพวกเธอได้มองมันนาน ๆ พวกเธอก็รู้สึกแสบตาทำให้พวกเธอต้องหลับตาลง
“นี่มันอะไรกัน” จีน่าหันมาพูดกับลินที่อยู่ข้าง ๆ
“พี่ไม่รู้หรอก พี่กำลังมองท้องฟ้าอยู่ดี ๆ พี่ก็เจอแสงนี้กำลังพุ่งตรงมา”
“มอนสเตอร์หรือปล่าว” จีน่ามองไปยังแสงอีกครั้ง
“บาเรียจะพังหรือปล่าวเนี่ย” ลินหันไปถามน้องของเธอ
“หนูจะไปรู้ได้ไง หนูไม่ได้สร้างนี่นา พี่ลินรีบไปตามแม่มาดูเร็วเข้า”
“อย่ามาสั่งฉันนะ จีน่า เธอนั่นแหละต้องไป ตรงนี้มันอันตราย” เธอออกคำสั่งกับน้องสาวของเธอ แต่จีน่าก็ไม่สนใจ
“ขอโทษนะ คนที่ใช้เวทมนต์ไม่ได้อย่างพี่จะไปทำอะไรได้” ระหว่างที่จีน่าพูดกับลินเธอก็ใช้เวทบอลไฟทันที
“รีบไปทำตามที่บอกดีกว่า” จีน่าเอ่ยบอกคนเป็นพี่
“ไม่” ลินพูดพร้อมไปยืนบังหน้าของจีน่า
ฝั่งของชายสวมหน้ากาก ตอนนี้เขากำลังมองเวทของเขาอยู่ในที่ไกล ๆ พอผ่านไปเขาก็คิดขึ้นได้
“บาเรียของยายจิ้งจอกนั่นมันแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรอ ขืนเป็นแบบนี้เจ้าวินได้ตายก่อนแน่” คิดเส็จเขาก็ได้ใช้เวทมิติไปตรงหน้าของเวทที่เขาสร้างขึ้นพร้อมทั้งใช้เวทมิติเพื่อให้บาเรียที่ห่อร่างของวินสามารถเข้าไปข้างในได้
ผ่านไปไม่นานแสงนั้นก็เข้ามาข้างในบาเรีย ทำให้พวกลินมองเห็นมันได้ชัดเจนมากขึ้น
“ข้างในนั้นมันมีอะไรอยู่” จีน่าชี้ไปยังลำแสงทำให้ลินจ้องตาม
“คนหรือปล่าว” เธอหันมามองน้องของเธอ
“จะบ้าหรอ ใครจะไปอยู่ในนั้นได้กัน” จีน่าพูดเมื่อแสงตรงหน้าค่อย ๆ กลายเป็นบาเรียอย่างช้า ๆ
“แต่” ลินจ้องมองไปข้างในแสงอย่างตั้งใจ
“นี่มันเวทมิตินี่” จีน่ามีน้ำเสียงที่ตกใจ
“มันจะเป็นไปได้ไง ก็เวทนั้นมีแต่แม่กับเธอที่ใช้ได้ไม่ใช่หรอ”
“มันก็ไม่แน่หรอกพี่ เจ้านั่นยังใช้ได้เลย” จีน่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเรานะ”
“ชิ พ่อที่ไม่เคยกลับบ้านเนี่ยนะ”
ในระหว่างที่พวกเธอกำลังเถียงกัน แสงนั้นก็ได้เร่งความเร็วจนมาตกลงตรงหน้าพวกเธอ
“พี่รีบถอยไปเร็ว” จีน่าพูดด้วยความเป็นห่วง
“เธอนั่นแหละต้องออกมา ถึงฉันจะใช้เวทมนต์ไม่ได้ แต่หน้าที่ของพี่สาวก็ต้องปกป้องน้องสาว” ลินไม่ยอม
“จะบ้าหรอ พี่ยังใช้เวทมนต์ไม่ได้เลยนะ ถ้ามีปีศาจออกมาจะทำไง “ จีน่าพูดด้วยความเครียด
“ก็พี่บอกแล้วไงว่าข้างในนั้นมันเป็นคน” ลินเถียงกับในทันที
สิ้นเสียงเด็กสาวทั้งสองก็จ้องมองไปยังลำแสงตรงหน้า แล้วพวกเธอก็ได้พบกับเด็กชายที่มีอายุใกล้เคียงกับพวกเธอ เขามีผมสีทอง ส่วนสูงใกล้เคียงกับลินตอนนี้เขากำลังนอนสลบอยู่ที่พื้นพร้อมทั้งมีเลือดไหลออกมาทั่วตัว
“นี่มัน … นี่มันอะไรกัน ทำไมในแสงถึงมีคนอยู่ได้” ลินพูดพร้อมทั้งเดินเข้าไปใกล้ร่างที่ไร้สติ เธอจ้องมองคนตรงหน้าอย่างสงใส
“พี่ถามใคร ถามหนูแล้วหนูจะไปรู้ไหมละ” จีน่าตอบพร้อมทั้งเดินตามพี่สาวของเธอ
“พี่จะทำอะไร มันอันตรายออกมา” เธอพูดด้วยความเป็นห่วงพี่สาวของเธอ
“เธอจะบ้าหรือไง คนที่จะตายอย่างนี้ต่อให้คนที่ไม่มีพลังเวทอย่างฉันก็ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“แต่ว่า .. แต่ว่า เราก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อนสิ” จีน่าพูดด้วยความเสียใจ
เมื่อลินได้ยินอย่างนั้นเธอจึงถอนหายใจออกมาและมองยังน้องสาวของเธอ
“เฮ้อ เธอนี่นะ ดูดี ๆ สิ นั่นมันคนนะ ไม่ใช่ปีศาจหรือมอนสเตอร์สักหน่อย”
ลินพูดพร้อมเก้าเท้าเข้าไปใกล้ชายตรงหน้า ชายตรงหน้านั้นมีบาดแผลทั่วตัวเลือดของเขาไหลย้อมหญ้าอันเขียวขจีจนเป็นสีแดงฉาน เมื่อหญิงสาวมองดูดีดีก็พบว่าบาทแผของชายตรงหน้าส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการที่เขาได้พุ่งชนกับบาเรียของแม่ของเธอ
“นี่เขาตายหรือยัง” จีน่าถามพร้อมชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ ๆ
วินลืมตาขึ้นมาพร้อมทั้งความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขากระพิบตาถี่ ๆ ตรงหน้าของเขามีเด็กผู้หญิงสองคนกำลังยืนเถียงกันอยู่โดยที่ไม่ได้มองมายังเขาแม้แต่นิดเดียว
“พี่ว่าเขายังไม่ตายนะ” เด็กสาวผมฟ้าหันไปพูดกับเด็กผมทอง
“พี่จับชีพจรเป็นหรือเปล่า” เด็กอีกคนพูดขึ้น
‘นี่มันเป็นฝันแปลกดีนะ หลังจากเจอยายฟ้าก็ได้มาเจอเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบสี่สิบห้า’ วินคิดพร้อมทั้งพูดกับผู้หญิงตรงหน้า
“นี่ฉันยังไม่ตายสักหน่อย” พอพวกเธอได้ยินเสียงของเด็กชายพวกเธอจึงหันมามองเขาอีกครั้ง
“นี่ เป็นไงบ้าง” ผู้หญิงผมสีฟ้าได้นั่งลงและนำมือมาจับชีพจรของเขาทันที
‘เจ็บชิบหายเลย ไม่ไหวแล้ว’ วินคิดพร้อมทั้งหลับตาลง ‘รีบ ๆ ตื่นสักทีเถอะ’
“เขาสลบไปแล้ว” ลินหันไปมองยังจีน่า
“งั้นก็ต้องพาเขาไปรักษาที่บ้านของเราสิ”จีน่าพูดพร้อมทั้งเตรียมตัวจะอุ้มวินไป แต่ลินก็พูดขึ้น
“ไม่ได้ เราต้องดูก่อนว่าเขามีบาดแผที่อื่นอีกไหม”
“งั้นไปตามแม่มาดูดีกว่า” เมื่อจีน่าพูดจบเธอก็เตรียมตัวที่จะวิ่งกลับไปทันที
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น