หมวดเนื้อหา:
ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ประกอบกับอากาศที่เริ่มเย็นสบาย เด็กน้อยผมทองในตาสีฟ้ารู้สึกดีอย่างประหลาด วินนั่งไปสักพัก สายตาเขาก็เริ่มเห็นแสงสว่างในยามช้าว สายตาของเด็กน้อยเริ่มหนักอึ้งประกอบกับความเหนื่อยสะสมทำให้เขาล้มตัวลงนอน
กลิ่นหอมของพื้นดินความนุ่มของผืนย่าประกอบกับเสียงนกร้องรับยามเช้าทำให้เขาลดการระวังตัวลง เด็กน้อยค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆเพื่อพักผ่อนกายาที่แสนเหนื่อยล้า
ในความฝันของวิน
วินรู้สึกถึงเสียงบางอย่างที่ดังเข้ามายังโสตประสาททำให้วินตัดสินใจลืมตาอีกครั้ง วินกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่ความเหนื่อยล้า เด็กน้อยมองเหตุกาณ์ข้างหน้าอย่างไม่รู้สึกแปลกใจนัก เขาก็พบว่าเขากำลังอยู่ในที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง กลิ่นควันไฟและกลิ่นคาวเลือดลอยเข้าจะหมูก หากเป็นคนธรรมดาก็คงรู้สึกแปลกใจมิใช่น้อยแต่สำหรับวินนี่เป็นเรื่อธรรมดาเสียแล้ว
วินมองไปรอบๆก็พบว่าพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยซากศพ
ทำให้เขานึกถึงเรื่องก่อนที่เขาจะได้มายังโลกใบนี้ เพราะโลกของเขาเองก็เต็มไปด้วยสงครามเหมือนในความฝันของเขา
“อุตส่าห์ได้นอนหลับแล้วทั้งที ทำไมต้องฝันแบบนี้ด้วยวะ” เขาสบดอย่างหัวเสีย
วินมองไป รอบ ๆ ตอนแรกเขาคิดว่าที่นี่คงเป็นที่ในสักที่ในโลกเดิมของเขา แต่พอเด็กน้อยเพ่งพินิจไปสักพัก ทำให้วินพบว่าที่นี่มันไม่ใช้โลกเดิมของเขา วินยกมือขึ้นมา ขยี้ตาของตน
‘ทั้ง ๆ ที่เป็นความฝันแท้ ๆ ทำไมเราถึงรู้สึกง่วงอยู่กันล่ะ หรือว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน หรือว่าเราโดนไอ้บ้านั่นส่งมาอยู่ที่อื่นอีกแล้ว’
หลังจากที่เขาคิดเสร็จ วินก็กำหมัดขึ้นพจนเห็นเส้นเลือดที่แข็น
ผู้ใหญ่ในร่างเด็กตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสีย “คอยดูนะ ถ้าเจอกันครั้งน่ากูจะใช้หมัดนี้แหละซัดหน้ามึงให้หน้ากากหลุดออกมาเลยเว้ย กูจะดูสิว่าใบหน้าของมึงมันจะเป็นยังไงกันแน่วะ”
ผ่านไปไม่นาน วินจึงตัดสินใจเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณ ด้วยความอยากรู้ของวินทำให้เขาลองเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย แต่จู่ๆเขาก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าเขาไป ชายคนนั้นเคลื่อนร่างด้วยความรวจเร็วดุดดั่งนกเหยี่ยว เมื่อวินเห็นอย่างนั้น เด็กน้อยจึงตัดสินใจวิ่งตามไปทันที แต่เพราะขาที่สั้นประกอบกับร่างกายที่มิได้เป็นผู้ใหญ่เหมือนเดิม ทำให้การวิ่งของวินนั้นทำได้อย่างเชื่องช้า
วินวิ่งตามมาได้สักพัก จนเขามาถึงยังบ้านไม้หลังหนึ่งที่กำลังโดนควันไฟแผดเผา เด็กน้อยหอบหายใจอยู่สักพัก วินจึงตัดสินใจเดินตามชายตรงหน้าไป แต่เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเขาได้เห็นร่างที่ปราศจากวิญญาณ ถึงแม้ร่างนั้นจะนอนคว่ำหน้าอยู่ แต่เพราะเธอเป็นคนที่เขารู้จักดี
เขากำลังจะวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่ตัวของวินอีกคนก็วิ่งไปก่อน ด้วยความรีบร้อน เขาได้ใช้มือจับชีพจรของเธอ แต่เขาก็พบว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
สถานการณ์ตรงหน้าทำให้วินรู้สึกงง เขาพยายามเรียบเรียงข้อมูลที่เจอตรงหน้า และพยายามนึกไปยังชาติที่แล้วแต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา เขารีบเดินเพื่อจะไปจับตัวของเขาที่อยู่ในฝัน แต่พอเขายื่นมือไปก็พบว่าเขาไม่สามารถจับตัวของเขาที่อยู่ในฝันได้
แล้ววินที่อยู่ในฝันก็พูดขึ้นพร้อมทั้งดวงตาและศรีหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น
“ฉันจะตามฆ่าพวกแก ไม่ว่าพวกแกจะไปที่ไหน พวกแกและครอบครัว ไม่สิทุกคนที่ช่วยเหลือพวกแกมันจะต้องตาย ฉันขอโทษลินที่ฉันไม่สามารถปกป้องจีน่าได้ แต่ไม่ต้องห่วงพวกมันจะต้องตายเพื่อชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำกับพวกเรา”
พอพูดจบวินก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งกอดร่างที่ไม่มีลมหายใจของจีน่าไว้ ถึงแม้ว่าการทำแบบนั้นจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
พอวินเห็นภาพตรงหน้าทำให้วินมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา วินรู้สึกว่าเรื่องตรงหน้านี้มันไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันเหมือนจะเคยเกิดขึ้นกับเขาแล้ว
ทว่าจู่ๆเขาก็ได้มาโผล่อีกที่หนึ่ง เขาได้มองเห็นตัวของเขากำลังต่อสู้กับคนจำนวนมาก
“พวกแกจะต้องชดใช้กับสิ่งที่พวกแกทำกับเรา”
ในขณะที่เขาพูดเขาก็ใช้ดาบตัดหัวคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา ตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดของคนที่เขาฆ่า แต่แทนที่เขาจะรู้สึกเสียใจ มันกับตรงกันข้าม ตอนนี้ศรีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุก และภาพในความฝันของเขาก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้ตรงหน้าของวินเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก ไม่สิหากจะพูดให้ถูกคงเป็นอดีจไปแล้ว เพราะมอนสเตอร์ทุกตัวที่วินเห็นนั้นมันไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว บ้างก็แขนขาด บ้างก็หัวขาด
พอเขามองไปดีดี ก็เห็นเขาอีกคนกำลังนั่งทับพวกมอนสเตอร์ที่ตายอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีคนประมาณสิบคนบินมาหาวิน
ตัวของวินที่อยู่ในฝันลุกขึ้นพร้อมทั้งเรียกดาบที่มีสีดำสนิตออกมา บรรยากาศแห่งความตายแผ่ออกมาจากตัวของเขา
เขาฟันดาบไปยังกลุ่มชายพวกนั้น พวกเขาทั้งหมดก็มีบาดแผเกิดขึ้นมาทั่วตัวในทันที พอวินฟันครั้งที่สอง ก็มีชายบางคนมีเลือดออกทางจมูกและปาก บางคนทนไหวก็ไม่เป็นอะไร แต่หากทนไม่ไหวพวกเขาก็จะตายในทันที
วินมองดูภาพที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัว แต่เขากลับได้ยินเสียงชายคนหนึ่งชายคนนั้นพูดว่า
“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าต้องรู้จงกลับไปซะ”
และก็มีเสียงหนึงพูดขึ้น เสียงนั้นดังมาจากที่ไกลแสนไกล
“วิน วิน รีบตื่นเร็ว”
เขาฟังจากน้ำเสียงของเธอ ทำให้วินรู้ว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่าร่างกายของเขาก็ไม่สามารถจะขยับได้
เขารู้สึกเจ็บตามตัวของเขา แต่ตรงข้ามเขากลับไม่อยากที่จะตื่น แต่เสียงนั้นก็ไม่ยอมที่จะเลิกปลุกเขาเสียที
“รีบตื่นเลยเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเราได้ตายกันที่นี่แน่”
พอสิ้นเสียงพูดเขาก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าของเขา
“อ๊ากกก อะไรวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้น”
พอวินลืมตาขึ้น เขาก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อเขามองไปรอบๆ เขาก็พบว่าเวลาที่เขาคิดว่ามันเป็นตอนเช้านั้นที่แท้แล้วมันยังเป็นตอนกลางคืนอยู่ ตอนนี้มีกระต่ายป่าจำนวนมากกำลังตรงมาหาพวกวิน
พอเขามองอาโออิก็พบว่าเธอตื่นแล้ว มือของเธอกำลังถือปืนของเขาอยู่ แต่เพราะความมืดทำให้เขาไม่สามารถมองบริเวณนี้ได้ชัดนัก
เขาไม่สามารถเห็นศรีหน้าของอาโออิได้ แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ค่อยดีอย่างแน่นอน
“ตื่นได้สักทีนะ ฉันพยายามใช้ปืนของนายยิงกระต่ายกินเนื้อแล้วแต่มันก็ยิงไม่ออก”
“หมายถึงไอ้พวกนั้นใช่ไหม” วินพูดพร้อมทั้งนำมือชี้ไปหากระต่ายป่าที่กำลังเดินเข้ามา
“ใช่ ถึงมันจะเหมือนกระต่ายป่า แต่มันเป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่ง พวกมันจะใช้พลังทำให้ศัตรูของพวกมันหลับ แล้วพวกมันจะกิน โดยส่วนใหญ่พวกมันจะอยู่กันเป็นฝูง และพวกมันจะไม่โจมตีมนุษย์ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงโจมตีพวกเรา”
เธอส่งปืนมาให้วินแล้วพูดว่า
“ยิงแค่ตัวสองตัวก็พอ เลือกตัวที่ใหญ่ที่สุด ถ้ายิงมากกว่านั้นพวกมันจะไม่กลัวและจะมาฆ่าพวกเราแทน”
“ได้”
ปัง! ปัง!
วินหยิบปืนและยิงทันที พอสิ้นเสียงปืนพวกกระต่ายกินเนื้อก็วิ่งออกไปทันที
“โดนไหม”
“ไม่หน้าถาม โดนตัวใหญ่สุดสองตัว” วินพูดพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังซากกระต่ายกินเนื้อสองตัวที่นอนตายอยู่
“ดีหละ พอตอนช้าวพวกเราจะไปเก็บผลึกเวทมนต์ต่อ เพราะถ้าทิ้งไว้มันก็หน้าเสียดาย"
ในระหว่างที่วินนั่งรอเวลาช้าว เขาก็ถือโอกาสถามเรื่องต่างๆ ที่เขาสงศัย ทำให้เขาได้รู้ว่า ผลึกเวทมนต์นั้นจะใช้ผลิตพลังงานให้กับเครื่องจักรต่างๆ ในโลกนี้ และมอนสเตอร์ในโลกนี้มันจะมีหลายระดับ โดยระดับต่ำที่สุดคือ ระดับ g และระดับสูงที่สุดคือระดับ a
โดยระดับ g จะเป็นมอนสเตอร์ที่มีพลังเวทน้อยมาก ส่วนใหญ่มอนสเตอร์ระดับนี้จะเหมือนสัตว์ป่าธรรมดา เช่นหมาป่าและกระต่ายป่าที่เขาเจอ
ส่วนผู้ใช้เวทในโลกนี้ก็ถูกแบ่งระดับตามประสบการณ์และภารกิจที่พวกเขาได้รับ โดยผู้ใช้เวทมนต์จะอยู่ในกิลด์หรือถูกจ้างโดยอาณาจักรต่างๆ หรือถ้านักเวทคนนั้นเก่งจริงก็สามารถทำงานคนเดียวได้ ถึงแม้จะไม่มีนักเวทคนไหนทำแบบนั้นก็ตาม
อาโออิรู้สึกแปลกใจ เพราะความรู้ที่วินถามนั้นมันเป็นสิ่งที่เด็กห้าหกขวบในโลกนี้ก็รู้ แต่ตัวเขากลับไม่รู้ แต่เพราะเวลาใกล้จะช้าวและท้องของเธอเริ่มร้องทำให้เธอเลิกคิดเรื่องของวินไปในทันที
- เข้าสู่ระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็น